โดย admin | ก.พ. 18, 2023 | ข่าวสาร, บทความธรรมมะ
“กฐิน” คืออะไร?
คำว่า “กฐิน” ภาษาบาลี แปลกันตามตัวอักษรว่า “ไม้สะดึง” สะดึง (อังกฤษ: Embroidery hoop; Embroidery frame) คือกรอบไม้หรือไม้แบบสำหรับขึงผ้าในเวลาปักดิ้นหรือไหมเป็นต้น หรืออาจจะหมายถึงกรอบไม้สำหรับขึงผ้าที่จะเย็บเป็นจีวร …. สะดึงมี 2 แบบ คือ (๑) สะดึงกลม ใช้ปักงานชิ้นเล็ก เช่น การปักตัวอักษร เครื่องหมายของโรงเรียน มุมผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น (๒) สะดึงสี่เหลี่ยม เหมาะสำหรับปักงานชิ้นใหญ่ จำเป็นต้องมีผ้าขึงสะดึง เพื่อบังคับผ้าที่ปัก ให้แน่นและเรียบตึงอยู่ได้นาน ช่วยให้งานปักประณีตเรียบร้อย ปักได้สะดวกและรวดเร็ว เช่น การปักหน้าหมอน ผ้าปูโต๊ะ ย่าม ตาลปัตร เป็นต้น ข้อมูลกฐิน (http://www.mahabunhome.com/kathin.html) กฐิน เป็นศัพท์ในพระวินัยปิฎกเถรวาท เป็นชื่อเรียกผ้าไตรจีวรที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว สามารถรับมานุ่งห่มได้ โดยคำว่าการทอดกฐิน หรือการกรานกฐิน จัดเป็นสังฆกรรมประเภทหนึ่งตามพระวินัยบัญญัติเถรวาทที่มีกำหนดเวลา คือพระสงฆ์สามารถกระทำสังฆกรรมนี้ได้นับแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เท่านั้น (ที่มาข้อมูลกฐิน จาก https://news.trueid.net/detail/vWyxxKGp0ZMe) จากข้อมูลที่ค้นหายังระบุว่าถึงการได้มาของผ้าไตรจีวรอันจะนำมากรานกฐินตามพระวินัยบัญญัติของเถรวาทนี้ พระพุทธองค์ไม่ทรงห้ามการรับผ้าจากผู้ศรัทธาเพื่อนำมากรานกฐิน ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้เกิดทานพิธีการถวายผ้ากฐิน หรือการทอดกฐินของพุทธศาสนิกชนขึ้น และด้วยการที่การถวายผ้ากฐินนั้น จัดเป็นสังฆทาน คือถวายแก่คณะสงฆ์โดยไม่เจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เพื่อให้คณะสงฆ์นำผ้าไปอปโลกน์ ยกให้ แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งตามที่คณะสงฆ์ลงมติ (ญัตติทุติยกรรมวาจา) และกาลทาน ที่มีกำหนดเขตเวลาถวายแน่นอน คณะสงฆ์วัดหนึ่ง ๆ สามารถรับได้ครั้งเดียวในรอบปี จึงทำให้ประเพณีการทอดกฐินเป็นบุญประเพณีนิยมที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย
กฐินมีที่มาอย่างไร
กฐิน เป็นบุญถวายผ้าไตรจีวรแด่พระสงฆ์ ซึ่งจำพรรษาแล้ว เริ่มตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึง วันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นเขตทอดกฐินตามหลักพระวินัย
มูลเหตุมีการทำบุญกฐินซึ่งมีเรื่องเล่าว่า พระภิกษุชาวเมืองปาฐา 30 รูป จะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระเชตวันมหาวิหาร แต่จวนใกล้กำหนดเข้าพรรษาเสียก่อน จึงหยุดจำพรรษาที่เมืองสาเกต พอออกพรรษาแล้วก็รีบพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ทั้ง ๆ ที่ผ้าสบงจีวรเปื้อนเปรอะ เนื่องจากระยะทางไกลและฝน ผ้าสบงจีวรจึงเปียกน้ำและเปื้อนโคลน จะหาผ้าผลัดเปลี่ยนก็ไม่มี พระพุทธเจ้าทรงเห็นความลำบากของพระภิกษุเช่นกัน จึงมีพุทธบัญญัติให้พระภิกษุแสวงหาผ้าและรับผ้ากฐินได้ตามกำหนด
กฐินในประเทศไทยมีกี่ชนิด ?
ชนิดของกฐิน ในประเทศไทย
ตามพระวินัยแล้ว ไม่ได้จำแนกการทอดกฐิน (การถวายผ้ากฐินแก่พระสงฆ์) ออกเป็นชนิด ๆ ไว้แต่อย่างใด คงกล่าวแต่เพียงในส่วนการทำหรือรับผ้ามากรานกฐินของพระสงฆ์เท่านั้น แต่หากพิจารณาจากประเพณีที่นิยมปฏิบัติในปัจจุบัน คงพอจำแนกชนิดของกฐิน การทอดกฐิน ได้เป็น 2 ชนิด คือ
จุลกฐิน
จุลกฐิน คือ คำเรียกการทอดกฐินที่ต้องทำด้วยความรีบด่วน โดยต้องอาศัยความสามัคคีของผู้ศรัทธาจำนวนมาก เพื่อผลิตผ้าไตรจีวรให้สำเร็จด้วยมือภายในวันเดียว กล่าวคือ ต้องเริ่มตั้งแต่เก็บฝ้าย ตัดเย็บ ย้อม และถวายให้พระสงฆ์กรานกฐินให้เสร็จภายในเวลาเช้าวันหนึ่งจนถึงย่ำรุ่งของอีกวันหนึ่ง ดังนั้นโบราณจึงนับถือกันว่าการทำจุลกฐินมีอานิสงส์มาก เพราะต้องใช้ความอุตสาหะพยายามมากกว่ากฐินแบบธรรมดา (มหากฐิน) ภายในระยะเวลาอันจำกัด โดยจุลกฐินนี้ปัจจุบันมักจัดเป็นงานใหญ่ มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ประเพณีการทอดจุลกฐินนี้เป็นประเพณีที่พบเฉพาะในประเทศไทยและลาว ไม่ปรากฏประเพณีการทอดกฐินชนิดนี้ในประเทศพุทธเถรวาทประเทศอื่น สำหรับประเทศไทย มีหลักฐานว่ามีการทอดจุลกฐินมาแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยา ดังปรากฏในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า หน้า 268 ว่า “ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒) โปรดให้ทำจุลกฐิน” ปัจจุบันประเพณีการทำจุลกฐินนิยมทำกันเฉพาะชุมชนทางภาคเหนือและอีสานเท่านั้น โดยอีสานจะเรียกกฐินชนิดนี้ว่า “กฐินแล่น” (จุลกฐินไม่ใช่ศัพท์ที่ปรากฏในพระวินัยปิฎก)
มหากฐิน
มหากฐิน เป็นศัพท์ที่เรียกเพื่อหมายความถึงการทอดกฐินที่มีบริวารกฐินมาก ไม่ต้องทำโดยเร่งรีบเหมือนจุลกฐิน มหากฐินคือกฐินที่ทอดถวายตามวัดต่าง ๆ ในประเทศไทยในปัจจุบัน ที่จะมีการรวบรวมจตุปัจจัยไทยธรรมและสิ่งของต่าง ๆ เพื่อนำไปเป็นเครื่องประกอบในงานกฐินถวายแก่พระสงฆ์ เพื่อนำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป (มหากฐินไม่ใช่ศัพท์ที่ปรากฏในพระวินัยปิฎก) โดยมหากฐินนั้นอาจเป็นกฐินที่มีเจ้าภาพเพียงคนเดียวหรือกฐินสามัคคีก็ได้
การทอดกฐินในประเทศไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงประทับบนเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ทอดบัลลังก์บุษบก เสด็จพระราชดำเนินทรงถวายผ้าพระกฐินทางชลมารค กฐินหลวง กฐินหลวง เป็นผ้าพระกฐินพระราชทานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานด้วยพระองค์เอง หรือโปรดเกล้าให้พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่เสด็จไปพระราชทานแทน กฐินหลวงนี้จัดเครื่องพระราชทานด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และบางครั้งมีการจัดพิธีแห่เครื่องกฐินพระราชทานอย่างใหญ่ โดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค หรือกระบวนพยุหยาตราสถลมารถ แล้วแต่พระราชประสงค์ (ในปัจจุบันคงการเสด็จพระราชดำเนินทรงถวายผ้าพระกฐินอย่างพิธีใหญ่นั้น คงเหลือเพียงโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารคเท่านั้น) กฐินหลวงในปัจจุบันมีเพียง 16 วัดเท่านั้น เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดบวรนิเวศวิหาร วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร เป็นต้น กฐินต้น กฐินต้น เป็นผ้าพระกฐินพระราชทานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานยังวัดราษฎร์เป็นการส่วนพระองค์ กฐินพระราชทาน กฐินพระราชทาน เป็นผ้าพระกฐินพระราชทานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน และเครื่องกฐินแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร ส่วนราชการ หน่วยงาน สมาคม หรือเอกชน ให้ไปทอดยังพระอารามหลวงต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร (ในปัจจุบันกรมการศาสนารับผิดชอบจัดผ้าพระกฐินและเครื่องกฐินถวาย)
กฐินราษฎร์ ในปัจจุบัน การถวายผ้ากฐินโดยทั่วไปในประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับ “บริวารกฐิน” มากกว่าผ้ากฐินซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการกรานกฐิน กฐินราษฎร์ คือกฐินที่ราษฏรหรือประชาชนทั่วไปที่มีจิตศรัทธาจัดถวายผ้ากฐิน และเครื่องกฐินไปถวายยังวัดราษฎร์ต่าง ๆ โดยอาจแบ่งออกเป็นจุลกฐิน และมหากฐิน (กฐินสามัคคี) ในปัจจุบันกฐินราษฎร์ หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า กฐินสามัคคี ผู้เป็นประธานหรือเจ้าภาพในการทอดกฐินจะให้ความสำคัญกับการรวบรวม (เรี่ยไร) เงินและสิ่งของเพื่อเข้าประกอบเป็นบริวารกฐินมากกว่า เพราะวัดสามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาได้ และเนื่องจากการถวายผ้ากฐินเป็นกาลทาน จึงทำให้ประเพณีการทอดกฐินเป็นงานสำคัญประจำปีของวัดต่าง ๆ โดยทั่วไปในประเทศไทย
การถวาย กฐิน เป็นกุศลผลบุญที่ใหญ่หลวง ผู้ถวายจะปรารถนาความสำเร็จใด ๆ ในภพชาติใหม่ ก็จะให้สำเร็จได้ดังมโนรถความปรารถนา หรือถ้าจะปรารถนาพุทธภูมิก็ดี ปัจเจกภูมิก็ดี สาวกภูมิก็ดี สาวิกาภูมิก็ดี เมื่อมีวาสนาบารมีแก่กล้าแล้วก็จะได้สำเร็จดังมโนปณิธาน หรือความปรารถนาที่ตั้งไว้
ขอขอบคุณ บทความสาระความรู้ที่แชร์จาก เว็บ www.dharayath.com
กฐินประจำปี 2566 วัดธรรมมงคล , วัดป่าเขาใหญ่ญาณสัมปันโน , วัดป่านาคำน้อย Admin ทราบข่าวเมื่อไหร่จะรีบนำมาลงอัพเดทให้ทราบนะครับ
ติดตามข่าวหลวงปู่อุทัย
ติดตามข่าวหลวงพ่ออินทร์ถวาย
โดย admin | ก.พ. 13, 2023 | ข่าวสาร, ข่าวหลวงปู่อุทัย, ข่าวหลวงพ่อ

ขอขอบคุณ เพจ
https://www.facebook.com/watkhaoyaiyannasampanno
โดย admin | ก.พ. 11, 2023 | ข่าวสาร, ธรรมะน่าสนใจ, บทความธรรมมะ, บทความน่าสนใจ
แก้กรรม ในทางศาสนาพุทธแล้วไม่มีใครแก้กรรมได้ดีที่สุด เท่ากับตัวเอง ไม่ต้องไม่มองหรือแก้ที่ผู้อื่น หรือร้องขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การแก้กรรมที่ดีที่สุด การนำจิต น้อมเข้าสู่กฏไตรลักษณ์ แล้ว น้อมเข้าการอโหสิกรรม ปล่อยวาง ด้วยการดำเนินตามวิถีของ ศีล สมาธิและ ปัญญา
แก้กรรม คืออะไร ?
“กรรม” การกระทำด้วยเจตนา ทั้งในอดีตชาติ หรือในปัจจุบันก็ล้วนเป็นกรรมทั้งสิ้น ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมีผลกระทบต่อปัจจุบันและอนาคต “ใครทำกรรมใดไว้ กรรมนั้นย่อมไปตกอยู่ที่ผู้กระทำ” (การ แก้กรรม สามารถช่วยได้ จากหนักเป็นเบา) ไม่มีใครหลุดพ้นหรือหนีจากกฎแห่งกรรมไปได้ วิบากกรรมของแต่ละคนก็แตกต่างกัน
วิธีการ แก้กรรม ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ เช่น การใส่บาตร ถือศีล กินเจ ช่วยผู้ที่เดือดร้อน ถวายสังฆทาน สวดมนต์ กราบบิดามารดา ล้วนเป็นมหากุศล การทำบุญให้อธิษฐานจิตทุกครั้ง เพื่อนำส่งบุญให้ตัวเอง มีชีวิตที่ดีขึ้น เจริญขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นกุศลและเป็นบุญทั้งสิ้น
เรามีวิธีการแก้กรรมด้วยตนเอง 15 วิธี ดังนี้
1. ถือศีล 5 การ ถือศีล 5 เป็นประจำจะช่วยเสริมดวงชะตาและจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีงามการทำดีและไม่เบียดเบียนใครถือเป็นการทำบุญกุศลที่ได้อานิสงส์ เป็นผลให้เกิดความโชคดี และแก้เคราะห์ลดกรรมได้
2. การถือศีล 8 จะช่วยเสริมดวงและแก้เคราะห์ได้เช่นเดียวกับการถือศีล 5 แต่การถือศีล 8 นั้นปฏิบัติได้ยากยิ่ง แต่เมื่อปฏิบัติได้สำเร็จจะได้กุศลแรงนักปฏิบัติแล้วยังช่วยเสริมดวงอำนาจ บารมีได้
3. กินเจ ก็เพื่อลดละชีวิตสัตว์ ซึ่งได้อานิสงส์ผลบุญสูงและควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ถ้าอธิษฐานไว้ว่า 7 วัน ก็ทำให้ครบ 7 วัน อาจตั้งจิตว่าจะทำทุกวันพระและทุกเดือน หรือปฏิบัติทุกเดือน เดือนละ 3 วัน หรือ 7 วัน เป็นต้น
4. ไหว้พระและถวายดอกไม้ ธูปเทียน รวมทั้งการปิดทองคำเปลวและเครื่องหอม ผลบุญนี้จะทำให้ชีวิตรุ่งเรือง มีความเจริญก้าวหน้า
5. ถวายน้ำมันตะเกียง เพื่อความรุ่งโรจน์โชติช่วงของชีวิต เช่นเดียวกับความสว่างของแสงตะเกียง ทำให้พ้นจากความมืดมิดทั้งการดำเนินชีวิต รวมทั้งปัญหาและความคิดที่สว่างไสวไม่อับจนหนทาง
6. ถวายสังฆทาน เป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยถวายสิ่งของจำเป็นแด่พระสงฆ์ อานิสงส์ผลบุญจะส่งให้ชีวิตหมดเคราะห์หมดโศก จะทำสิ่งใดก็ราบรื่นไม่ติดขัด พบแต่ความสำเร็จสมปรารถนา รวมทั้งมีความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์ ไม่ขัดสน
7. ไหว้พระบูชาเทพต่างๆ จะทำให้พบกับความสุข ความเจริญ เกิดความสุขใจว่ามีที่พึ่งพิง ยึดเหนี่ยว นำมาซึ่งกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตต่อไปและรู้สึกเสมอว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คอยคุ้มครองเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
8. ทำบุญปล่อยสัตว์ เป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น แต่ถือว่าได้บุญแรง จะต้องทำด้วยความตั้งใจจริง เช่น การไปซื้อสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าไปปล่อย ไถ่ชีวิตวัวควายถวายวัดเพื่อมอบให้ชาวนานำไปใช้ประโยชน์ ซื้อปลาในตลาดที่จะถูกฆ่าไปปล่อยน้ำ ผลบุญนี้ยังผลให้หมดทุกข์ หมดภัย และพบความสุขความเจริญในชีวิต
9. ทำบุญ ให้ทาน เป็นการรู้จักเสียสละตนเองและแบ่งปันให้ผู้อื่น ซึ่งผลบุญจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมีจิตใจยินดีในการทำบุญให้ทานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงพุทธศาสนา หรือการให้ทานเกื้อกูลคนยากไร้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุญส่งเสริมให้ชีวิตมีโชค มีทรัพย์ และมากด้วยบารมี
10. ทำทานแก่คนยากไร้ เป็นการทำบุญที่มาจากจิตใจอันไม่ยึดติดมีความไม่โลภ ผลบุญจึงหนุนนำให้มีแต่ความราบรื่น ยามมีเรื่องติดขัดก็จะมีผู้มาช่วยเหลือค้ำจุน ยามมีเคราะห์ภัยก็จะแคล้วคลาด เพราะแรงอนุโมทนาจิตจากผู้ยากไร้ที่ได้รับสิ่งของจากเรานั่นเอง
11. ทำบุญโลงศพ ซื้อโลงศพบริจาคศพอนาถาไร้ญาติ จะได้อานิสงส์แรงยิ่งนัก การทำบุญเช่นนี้จะช่วยเสริมดวงชะตาให้แข็งแกร่งสามารถต้านเคราะห์ภัยหนักต่างๆ และผ่อนหนักเป็นเบาได้
12. พิมพ์หนังสือธรรมะแจก จัดพิมพ์เองหรือร่วมบริจาคสมทบทุนการพิมพ์กับผู้อื่นก็ได้ เป็นการเสริมดวงให้มีวาสนาบารมี เพื่อให้ปัญญาสว่าง หมดทุกข์ หมดโศก ไม่มีเคราะห์ร้ายมากล้ำกราย
13. บริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ จะช่วยให้ชีวิตราบรื่น หมดทุกข์ หมดโศก ประสบแต่ความโชคดี
14. ซื้อข้าวสารถวายวัด เลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าตามสถานสงเคราะห์เป็นการสั่งสมบุญกุศล เพื่อให้ชีวิตมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์และเพียบพร้อมด้วยบารมี
15. การตักบาตรร่วมขันกับผู้อื่นหรือทำบุญร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะทำบุญด้วยการบริจาคทรัพย์หรือโดยทางอื่น จะส่งผลให้เนื้อคู่ดูดี ดวงชะตาแข็งแกร่ง เกื้อกูลซึ่งกันและกัน และจะได้แต่เพื่อนที่ดีในชาตินี้
ทั้งนี้ก็ต้องหมั่นทำความดี ทำบุญตักบาตร เข้าวัดฟังธรรม ช่วยเหลือผู้อื่นไปด้วยจึงจะเป็นการสร้างกรรมดีให้เกิดขึ้นกับตัวเราเอง การที่เรามีจิตใจดี หรือตั้งใจดี ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นกุศล และเป็นบุญทั้งสิ้นครับ
ขอขอบคุณและเครดิตบทความดี ๆ จากเว็บ dharayath.com
โดย admin | ก.พ. 11, 2023 | กิจกรรมงานบุญ, ข่าวสาร, ข่าวหลวงพ่อ, หลวงพ่ออินทร์ถวาย
ขอเชิญร่วมงาน วัดป่านาคำน้อย “ทำบุญรวมญาติ ตักบาตรวันมาฆบูชา”
เพื่อรำลึกถึงผู้มีอุปการะคุณต่อวัดป่านาคำน้อย
และอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้ที่ล่วงลับ
กำหนดการ ทำบุญ วัดป่านาคำน้อย
ประจำปี พุทธศักราช ๒๕๖๖
ในวันที่ ๕-๖ มีนาคม ๒๕๖๖
วันอาทิตย์ ๕ มี.ค. ๖๖
เวลา ๑๙.๐๐ น. ฟังธรรม เจริญพุทธมนต์
วันจันทร์ ๖ มี.ค. ๖๖
เวลา ๐๗.๓๐ น. ทำบุญตักบาตร , ถวายภัตตาหาร
ณ ศาลาปฏิบัติธรรม วัดป่านาคำน้อย จ.อุดรธานี
ร่วมทำบุญวัดป่านาคำน้อยได้ผ่านทาง
1.ธนาคารไทยพาณิชย์
ชื่อบัญชี วัดนาคำน้อย
บัญชีเลขที่ 403-3-40664-3
2.ธนาคารกรุงเทพ
ชื่อบัญชี วัดนาคำน้อย
บัญชีเลขที่ 768-7-77754-5
ไลน์แอดออฟิเชียลวัดป่านาคำน้อย
ขอประชาสัมพันธ์ข่าวและขอบคุณเพจ
โดย admin | ก.พ. 9, 2023 | unuse
สังฆทาน ที่ดี ควรมีหลักการเลือกอย่างไร
สังฆทาน แยกคำได้ว่า “สังฆะ” แปลว่า หมู่ กลุ่ม หรือส่วนรวม และ “ทาน” แปลว่าการให้ ความหมายโดยรวมคือ ถวายเป็นของสงฆ์ ดังนั้นคำว่า สังฆทาน แปลได้ว่า เป็นทานที่ตั้งใจถวายแก่พระสงฆ์โดยไม่เจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง ให้เป็นของส่วนรวม โดยจะถวายอะไรก็ได้ที่เหมาะสมกับชีวิตสมถะของพระภิกษุสงฆ์ตามกำลังทรัพย์และกำลังศรัทธา
ผู้ที่ถวาย สังฆทาน จะได้ทาน 3 ประการ ดังนี้
1. วัตถุทาน ช่วยลดความตระหนี่ของผู้ถวาย ฝึกเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
2. อภัยทาน ช่วยลดความโกรธ ฝึกรู้จักการให้อภัยโดยการแผ่เมตตาหลังการทำบุญ
3. ธรรมทาน การถวายหนังสือแด่พระสงฆ์เมื่อท่านนำไปอ่านแล้วเกิดความรู้ ถือเป็นทานที่เกิดจากการให้ธรรมะ

ชุดสังฆทานควรมีอะไรบ้าง?
สังฆทาน : ของที่สามารถนำไปถวายเป็นสังฆทานได้ นิยมใช้เป็น ปัจจัยสี่ (ยกเว้นที่อยู่อาศัย) รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ซึ่งพระสงฆ์สามารถนำของในสังฆทานนั้นไปใช้ประโยชน์ได้จริง ดังต่อไปนี้
1) อาหาร และ เครื่องดื่ม
สังฆทานอาหารและสังฆทานเครื่องดื่ม หลายคนอาจไม่รู้ว่า เราสามารถนำอาหารมาถวายเป็นสังฆทานได้ จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นข้าว ผลไม้อบแห้งต่าง ๆ แยมทาขนมปัง รวมถึงอาหารกระป๋อง อาหารแห้ง ก็สามารถนำมาใส่ชุดสังฆทานถวายได้ เพราะพระสงฆ์สามารถฉันเพื่อบำรุงร่างกายเป็นกำลังในการทำงานเพื่อศาสนาต่อไป อีกทั้งเรายังสามารถถวายเครื่องดื่มต่าง ๆ ในชุดสังฆทานได้อีกด้วย เช่น
– น้ำดื่ม เป็นสิ่งที่ช่วยบำรุงร่างกายและประทังความหิวกระหายระหว่างวันโดยไม่ผิดศีล แต่มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรจัดชุดสังฆทานน้ำดื่มรวมกับน้ำยาล้างจานหรือน้ำยาล้างห้องน้ำเด็ดขาด เพราะน้ำจะดูดซึมกลิ่นเข้าไป พระไม่สามารถดื่มได้ ควรแบ่งแยกของในสังฆทานให้ดีก่อนนำไปถวายพระสงฆ์
– น้ำผลไม้ เป็นน้ำปานะที่สามารถถวายเป็นสังฆทานได้ ควรเลือกน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย เพื่อไม่ให้พระท่านเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และในสังฆทาน ถ้าเป็นชุดสังฆทานเครื่องดื่ม ควรจะเป็นเครื่องดื่มที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายด้วย
2) ยารักษาโรค
ยารักษาโรค เป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรถวายในชุดสังฆทาน ทั้งยาสามัญประจำบ้านต่าง ๆ เช่น ยาแก้ปวดหัว ยาแก้ไอ ยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้อเป็นต้น
หากใครต้องการจะถวายน้ำผึ้งเพื่อเป็นยาสำหรับพระสงฆ์ก็สามารถถวายได้เช่นกัน
3) เครื่องนุ่งห่ม จีวร
เราสามารถถวายเครื่องนุ่งห่ม จีวร หรือ ผ้าอาบน้ำฝนได้ เพราะเป็นของใช้ที่จำเป็นสำหรับพระสงฆ์ เราสามารถถวายผ้าหรือเครื่องนุ่งห่มได้ดังต่อไปนี้
– จีวร อังสะ สบง รัดประคต ควรเลือกแบบที่มีความยาวและความหนาที่เหมาะสม อานิสงส์ที่เราจะได้รับคือไม่ขาดแคลน เครื่องนุ่งห่ม แล้วก็ใส่อะไรก็สบายดูดี ผิวพรรณงดงาม ผีได้รับคือมีเสื้อผ้าเครื่องทรงทิพย์
– ผ้าขนหนูที่มีสีสุภาพ เพื่อให้พระสงฆ์ได้ใช้ซับเหงื่อ เช็ดตัวหรือเช็ดสิ่งต่างๆ ซึ่งมีความหมายว่า หน้าที่การงานหรือปัญหาในชีวิตจะไม่หนักจนเกินไป สามารถแก้ไขและก้าวผ่านไปได้ด้วยดี
– รองเท้า 1 คู่ อานิสงส์ที่จะได้รับคือ จะมีสัมผัสที่ดีขึ้น เท้าเดินเหินสะดวก ตายไปมียานพาหนะทิพย์สะดวกสบาย การให้ยานพาหนะถือว่าให้ความสุข แค่รองเท้า 1 คู่ ญาติเราที่ตายโมทนาเขาจะมีความสุขขึ้น
4) เครื่องอุปโภค
เครื่องอุปโภค ควรเป็นสิ่งของที่จำเป็นเพื่อการดำรงชีวิตในปัจจุบัน เช่น
– ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย เทียนเล่มเล็ก ธูป เพื่อให้พระสงฆ์ใช้เป็นแสงสว่างยามค่ำคืนและจุดเพื่อบูชา ถวายสักการะแด่พระพุทธเจ้า ซึ่งมีความหมายว่า แสงสว่างอันรุ่งโรจน์ในชีวิตที่โชติช่วงชัชวาล
– อุปกรณ์เครื่องเขียน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพระสงฆ์ หรือสามเณรในการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือไว้ใช้จดนัดหมายกิจนิมนต์ต่าง ๆ
– อุปกรณ์ล้างห้องน้ำ เป็นเรื่องสุขอนามัยภายในวัดที่หลายคนอาจมองข้ามไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดที่มีญาติโยมไปทำบุญเป็นจำนวนมาก
– หนังสือธรรมะ อย่าคิดว่าพระสงฆ์ศึกษาธรรมะจากพระไตรปิฎกอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องถวายหนังสือเกี่ยวกับธรรมะอีก เพราะเมื่อท่านเทศนาญาติโยมแล้วต้องการให้ผู้ที่มาฟังธรรมเข้าใจในสิ่งที่ท่านสอนมากขึ้น ก็ควรมีหนังสือธรรมะไว้ให้ท่านแจกประกอบคำสอนด้วย
– มีดโกน พระสงฆ์ต้องปลงคิ้วและผมอยู่ตลอดเวลาจากการสอบถามพระสงฆ์ ท่านบอกว่า มีดโกนที่ใช้งานได้ดี คือมีดโกนที่มีคม 2 ด้านตราขนนก
– แชมพู หลายคนอาจคิดว่าพระสงฆ์ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสระผม แท้ที่จริงแล้วท่านยังต้องใช้ในการทำความสะอาดคราบเหงื่อไคลและเพื่อกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ บนหนังศีรษะ แต่ควรเลือกแบบที่ไม่มีกลิ่นหรือเป็นแชมพูยาจะดีกว่า
– กาน้ำชา พระสงฆ์สามารถพกติดตัวขณะแสดงธรรมหรือปฏิบัติศาสนกิจได้ การถวายสังฆทานหากจะให้ตรงกับสมณบริโภค ผู้ถวายสามารถสอบถามจากพระสงฆ์ได้เลยว่าขาดเหลือสิ่งใด เพื่อจะได้นำของมาถวายท่านได้ตรงความต้องการและเกิดประโยชน์สูงสุด
สิ่งสำคัญในการเลือกสังฆทานคือของทุกอย่างที่นำมาจัดสังฆทานเพื่อนำไปถวายแก่พระภิกษุสงฆ์นั้นต้องเป็นสิ่งของที่มีคุณภาพใช้งานได้จริงและมีการระบุวันหมดอายุและเครื่องหมายอย.ที่ชัดเจน โดยทางธาราญา ได้มีการจัดชุดสังฆทานหลากหลายแบบและขนาดให้ทางท่านได้เลือกซื้อ และเป็นของที่มีคุณภาพ พระภิกษุสงฆ์สามารถนำไปใช้งานได้จริง
ขอขอบคุณ เว็บ dharayath.com สำหรับข้อมูลดี ๆ
โดย admin | ม.ค. 28, 2023 | กิจกรรมงานบุญ, ข่าวสาร, บทความน่าสนใจ
ประชาสัมพันธ์เรื่อง แจก หนังสือธรรมะ
เนื่องด้วยคณะกรรมการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์
ได้จัดพิมพ์หนังสือ “พุทธธรรม (ฉบับเดิม)”
ซึ่งมีการพิมพ์ส่วนภาพรวมสรุปเนื้อหาเพิ่มเข้ามา
ในหนังสือเล่มนี้ พูดถึงแนวคิดของพุทธศาสนาที่แท้จริงและรวบรวมประมวลหลักธรรมต่างๆไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาธรรมะทั้งในรายละเอียดและภาพรวม
หนังสือเล่มนี้ถูกจัดพิมพ์ขึ้นอย่างปราณีต เป็นปกหนังแข็ง พิมพ์ด้วยกระดาษอย่างดี ท่านที่สนใจสามารถขอรับหนังสือได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
วิธีรับหนังสือธรรมะ
(ใช้ซองจดหมาย 2 ซอง)
1. ซองที่ท่านส่งมาให้ทางมหาวิทยาลัย
2. ซองที่ทางมหาวิทยาลัยจะส่งหนังสือกลับไปให้
โดยให้ใช้ซองเปล่า “แบบกันกระแทก”
ขนาด C4 (249 x 324 มม.)
พร้อมปิดแสตมป์ 40 บาท
จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง
***1 ชื่อ/ 1 ท่าน / 1 เล่ม***

ส่งมาที่
งานสารบรรณ สำนักอธิการบดี
(หนังสือพุทธธรรม)
มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์
19/1 ถนนเพชรเกษม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ 10160
โทร. 081-938-3598

หมายเหตุ
-เมื่อทางมหาวิทยาลัยได้รับซองเรียบร้อยแล้ว จะดำเนินการจัดส่งหนังสือให้ต่อไป
-กรณีหนังสือหมด ขอสงวนสิทธิ์ไม่ส่งซองเปล่าคืน
-สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 081-938-3598
ขอขอบคุณจากเพจ
โดย admin | ม.ค. 22, 2023 | ข่าวหลวงพ่อ, หลวงพ่ออินทร์ถวาย
ศาสนกิจ
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก วัดป่านาคำน้อย จังหวัดอุดรราชธานี
ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ มกราคม ๒๕๖๖
ติดตามได้ทุกสัปดาห์นะครับ ผมจะลงอัพเดทให้ทุกสุปดาห์ครับ
อีกหนึ่ง พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่ผมเคารพนับถือครับ

https://www.facebook.com/LuangpoInthawaiSantussako/
โดย admin | ม.ค. 13, 2023 | กิจกรรมงานบุญ, ข่าวสาร
แก้ปีชง ผู้ที่เกิดปี ปีชง 2566 “ปีระกา” ชงเต็ม 100% “ปีเถาะ , ปีชวด , ปีมะเมีย” ปีนี้ เพื่อ เสริมดวง ชะตา โชคชะตา ต้อนรับปีใหม่ตรุษจีนนี้
ปีชง ในภาษาจีน หมายถึง การปะทะ เป็นความเชื่อทางโหราศาสตร์ของจีน มีความเกี่ยวข้องกับองค์เทพไท้ส่วยเอี๊ยหรือภาษาไทย คือ “เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา” ซึ่งมีพลังที่เป็นอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ โดยคำว่าปีชงที่บอกว่าเป็นการปะทะนั้น หมายถึงคู่ปีเกิดไม่ถูกกัน ทำให้คนที่เป็นปีชงใน พ.ศ.2566 โชคร้าย ปีชงใน พ.ศ.2566 มีปีไหนบ้าง ปีไหนชงตรง ปีไหนชงร่วม เลยจะทำให้คุณสามารถเบาใจไปได้บ้างเมื่อได้ทำบุญไหว้พระแก้ปีชง

ขอแนะนำไปที่ วัดพุทธคุณ (วัดจีนสีคิ้ว) ที่ได้ร่วมกับ มูลนิธิพรหมธรรมสถานสงเคราะห์ สีคิ้ว
จัดงานมหามงคงประจำปี เจริญชัยมงคลคาถาเสริมดวงชะตาราศี ณ วัดพุทธคุณ อำเภอสีคิ้ว
ระหว่าง วันเสาร์ที่ 21 ถึง อังคารที่ 24 มกราคม 2566
โทรสอบถาม 044-411-061
โดยจะสวดรอบแรก วันที่ 21 มกราคม 2566 ณ วัดพุทธคุณ (สีคิ้ว)
ขอเชิญประชาสัมพันธ์ข่าวร่วมทำบุญ จั้งแช สามารถบริจาคร่วมทำบุญ (เลขที่บัญชีตามรูปข้างล่างครับ)

แผนที่
วีดีโอ ตัวอย่างพิธีจั้งแซ บน Youtube
วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม (ขอขอบคุณวีดีโอ ช่อง Youtubeของทางวัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม และ https://www.facebook.com/MUENBUDDHAMETTAKHUNARAM/)
ทางทีมงาน dhamma.watchmekorat.com ขอร่วมประชาสัมพันธ์ และขอให้ผู้ร่วมทำบุญทุกท่าน พ้นเคราะห์ ภัย ต่าง ๆ ครับ
ผู้ที่ต้องการให้เราช่วยประชาสัมพันธ์งานบุญกุศล สามารถส่งข้อความติดต่อ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ครับ ได้ที่ https://www.facebook.com/WatchMeKorat
โดย admin | ม.ค. 10, 2023 | ข่าวสาร, บทความธรรมมะ
หลายคนมักจะนึกไม่ออกว่า ทอดกฐินช่วงไหน หรือ ผ้าป่า ช่วงไหน และยังมีความสงสัยว่าแตกต่างกันยังไง บทความนี้จะมาให้คำตอบครับ ก่อนอื่นมารู้จักความหมายก่อนครับ ว่าผ้าป่า และ กฐิน คืออะไร

ผ้าป่า คืออะไร
ข้อมูลจากเว็บ ธาราญา
“ผ้าป่า” คือ ผ้าที่ผู้ถวายนำไปวางพาดไว้บนกิ่งไม้เพื่อให้พระชักเอาไปเอง โดยไม่ได้ทีกี่กล่าวคำถวายหรือประเคนเหมือนถวายของทั่วไป กริยาที่พระหยิบผ้าไปใช้แบบนั้น เรียกว่า “ซักผ้าป่า” ส่วนการถวายผ้าป่านิยมจัดของใช้เป็นบริวารผ้าป่าเหมือนบริวารกฐินเรียกว่า “ทอดผ้าป่า” ความเป็นมาของพิธีทอดผ้าป่ากล่าวไว้ว่า
ในสมัยพุทธกาล
เมื่อครั้งที่พระบรมศาสดายังมิได้ทรงอนุญาตให้พระภิกษุทั้งหลายรับจีวรจากชาวบ้าน พระภิกษุเหล่านั้นจึงต้องเที่ยวเก็บผ้าที่เขาทิ้งแล้ว เช่น ผ้าเปรอะเปื้อนที่ชาวบ้านไม่ต้องการนำมาทิ้งไว้ ผ้าห่อศพ เป็นต้น เมื่อรวบรวมผ้าชิ้นเล้กน้อยพอแก่ความต้องการแล้วจึงนำมาซักทำความสะอาด ตัดเย็บ ย้อมสี เพื่อทำเป็นจีวร สบง หรือสังฆาฏิ ผืนใดผืนหนึ่ง การทำจีวรของพระภิกษุในสมัยพุทธกาลจึงค่อนข้างลำบากยุ่งยากและเป็นงานใหญ่ ภิกษุทั้งหลายจึงต้องร่วมมือร่วมใจกันอย่างมาก เมื่อชาวบ้านทั้งหลายเห้นความยากลำบากของพระภิกษุสงฆ์ จึงต้องการนำผ้ามาถวาย แต่เมื่อยังไม่มีพุทธานุญาติโดยตรง จึงนำผ้าไปทอดทิ้งไว้ ณ ที่ต่างๆ เช่น ในป่า ตามป่าช้า หรือข้างทางเดิน เมื่อพระภิกษุสงฆ์มาพบ เห็นว่าเป็นผ้าที่ผู้เป็นเจ้าของทอดอาลัยแล้วคือ ไม่ต้องการ ก็จำนำผ้านั้นมาทำเป็นสบง จีวร พิธีการทอดผ้าป่าจึงมีขึ้นด้วยสาเหตุนี้ การทอดผ้าป่ามีอยู่อย่างเดียว คือ การนำผ้าไปทิ้งไว้ดังที่กล่าวมา แต่ในปัจจุบันนิยมทำกันในรูปแบบต่างๆ แตกต่างกันไป จึงมีชื่อเรียกเป็น 3 อย่าง คือ
-
ผ้าป่า หางกฐิน
ได้แก่ ผ้าป่าชนิดที่เจ้าภาพจัดให้มีขึ้นต่อจากการทอดกฐิน คือเมื่อทำพิธีทอดกฐินเสร็จแล้ว ก็ให้มีการทอดผ้าป่าด้วยเลย จึงเรียกว่า ผ้าป่าหางกฐิน หรือผ้าป่าแถมกฐิน
-
ผ้าป่าโยง
ได้แก่ ผ้าป่าที่จัดทำรวมๆกันหลายกอง นำบรรทุกเรือแห่ไปทอดกันตามวัดต่างๆที่อยู่ริมแม่น้ำ จึงเรียกว่า ผ้าป่าโยง จะมีเจ้าภาพเดียวหรือหลายเจ้าภาพก็ได้
-
ผ้าป่าสามัคคี
คือ ผ้าป่าที่มีการแจกฎีกาบอกบุญไปตามบุคคล สถานที่ต่างๆ ให้ร่วมกันทำบุญแล้วแต่ศรัทธา โดยจัดเป็นกองผ้าป่ามารวมกัน จะเป็นกี่กองก็ได้ เมื่อถึงวันทอดจะมีขบวนแห่ผ้าป่ามารวมกันที่วัดอย่างสนุกสนาน บางทีจุดประสงค์ก็เพื่อร่วมกันหาเงินเพื่อนำไปสร้างถาวรวัตถุต่างๆ เช่น โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ในปัจจุบันการจัดทำการทอดผ้าป่าชนิดนี้จะเห็นว่าเป็นที่นิยมทำกันมาก เพื่อรวมเงินสร้างสิ่งก่อสร้าง หรือจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เช่น อาคารที่พักคนป่วยในโรงพยาบาล อาคารเรียน อุปกรณ์ทางการศึกษา อุปกรณ์ทางการแพทย์
กฐินคืออะไร
กฐิน เป็นบุญถวายผ้าไตรจีวรแด่พระสงฆ์ ซึ่งจำพรรษาแล้ว เริ่มตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึง วันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นเขตทอดกฐินตามหลักพระวินัย

มูลเหตุมีการทำบุญกฐิน
ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า พระภิกษุชาวเมืองปาฐา 30 รูป จะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระเชตวันมหาวิหาร แต่จวนใกล้กำหนดเข้าพรรษาเสียก่อน จึงหยุดจำพรรษาที่เมืองสาเกต พอออกพรรษาแล้วก็รีบพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ทั้ง ๆ ที่ผ้าสบงจีวรเปื้อนเปรอะ เนื่องจากระยะทางไกลและฝน ผ้าสบงจีวรจึงเปียกน้ำและเปื้อนโคลน จะหาผ้าผลัดเปลี่ยนก็ไม่มี พระพุทธเจ้าทรงเห็นความลำบากของพระภิกษุเช่นกัน จึงมีพุทธบัญญัติให้พระภิกษุแสวงหาผ้าและรับผ้ากฐินได้ตามกำหนด จากข้อมูลที่ค้นหายังระบุว่าถึงการได้มาของผ้าไตรจีวรอันจะนำมากรานกฐินตามพระวินัยบัญญัติของเถรวาทนี้ พระพุทธองค์ไม่ทรงห้ามการรับผ้าจากผู้ศรัทธาเพื่อนำมากรานกฐิน ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้เกิดทานพิธีการถวายผ้ากฐิน หรือการทอดกฐินของพุทธศาสนิกชนขึ้น และด้วยการที่การถวายผ้ากฐินนั้น จัดเป็น สังฆทาน(อ่านเกี่ยวกับ การจัดชุดสังฆทาน) คือถวายแก่คณะสงฆ์โดยไม่เจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เพื่อให้คณะสงฆ์นำผ้าไปอปโลกน์ ยกให้ แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งตามที่คณะสงฆ์ลงมติ (ญัตติทุติยกรรมวาจา) และกาลทาน ที่มีกำหนดเขตเวลาถวายแน่นอน คณะสงฆ์วัดหนึ่ง ๆ สามารถรับได้ครั้งเดียวในรอบปี จึงทำให้ประเพณีการทอดกฐินเป็นบุญประเพณีนิยมที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย กฐิน เป็นศัพท์ในพระวินัยปิฎกเถรวาท เป็นชื่อเรียก ผ้าไตรจีวร ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว สามารถรับมานุ่งห่มได้ โดยคำว่าการทอดกฐิน หรือการกรานกฐิน จัดเป็นสังฆกรรมประเภทหนึ่งตามพระวินัยบัญญัติเถรวาทที่มีกำหนดเวลา คือพระสงฆ์สามารถกระทำสังฆกรรมนี้ได้นับแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เท่านั้น (ที่มาข้อมูลกฐิน จาก https://news.trueid.net/detail/vWyxxKGp0ZMe)
ชนิดของ กฐิน
จุลกฐิน
คือ คำเรียกการทอดกฐินที่ต้องทำด้วยความรีบด่วน โดยต้องอาศัยความสามัคคีของผู้ศรัทธาจำนวนมาก เพื่อผลิตผ้าไตรจีวรให้สำเร็จด้วยมือภายในวันเดียว กล่าวคือ ต้องเริ่มตั้งแต่เก็บฝ้าย ตัดเย็บ ย้อม และถวายให้พระสงฆ์กรานกฐินให้เสร็จภายในเวลาเช้าวันหนึ่งจนถึงย่ำรุ่งของอีกวันหนึ่ง ดังนั้นโบราณจึงนับถือกันว่าการทำจุลกฐินมีอานิสงส์มาก เพราะต้องใช้ความอุตสาหะพยายามมากกว่ากฐินแบบธรรมดา (มหากฐิน) ภายในระยะเวลาอันจำกัด โดยจุลกฐินนี้ปัจจุบันมักจัดเป็นงานใหญ่ มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ประเพณีการทอดจุลกฐินนี้เป็นประเพณีที่พบเฉพาะในประเทศไทยและลาว ไม่ปรากฏประเพณีการทอดกฐินชนิดนี้ในประเทศพุทธเถรวาทประเทศอื่น สำหรับประเทศไทย มีหลักฐานว่ามีการทอดจุลกฐินมาแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยา ดังปรากฏในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า หน้า 268 ว่า “ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒) โปรดให้ทำจุลกฐิน” ปัจจุบันประเพณีการทำจุลกฐินนิยมทำกันเฉพาะชุมชนทางภาคเหนือและอีสานเท่านั้น โดยอีสานจะเรียกกฐินชนิดนี้ว่า “กฐินแล่น” (จุลกฐินไม่ใช่ศัพท์ที่ปรากฏในพระวินัยปิฎก)
มหากฐิน
มหากฐิน เป็นศัพท์ที่เรียกเพื่อหมายความถึงการทอดกฐินที่มีบริวารกฐินมาก ไม่ต้องทำโดยเร่งรีบเหมือนจุลกฐิน มหากฐินคือ กฐิน ที่ทอดถวายตามวัดต่าง ๆ ในประเทศไทยในปัจจุบัน ที่จะมีการรวบรวมจตุปัจจัยไทยธรรมและสิ่งของต่าง ๆ เพื่อนำไปเป็นเครื่องประกอบในงานกฐินถวายแก่พระสงฆ์ เพื่อนำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป (มหากฐินไม่ใช่ศัพท์ที่ปรากฏในพระวินัยปิฎก) โดยมหากฐินนั้นอาจเป็นกฐินที่มีเจ้าภาพเพียงคนเดียวหรือกฐินสามัคคีก็ได้

กฐิน และ ผ้าป่า แตกต่างกันอย่างไร
พิธีทอด กฐิน
จะทำได้เวลา 1 เดือน หลังจากออกพรรษาแล้ว ถึงสิ้นสุดวันลอยกระทงเท่านั้น
บุคคลรับต้องเป็นพระ-มีกาลพรรษาครบ 3 เดือน
ทอดถวายสถานที่วัดใด วัดหนึ่ง-ครั้งเดียวต่อปี
วัดนั้น ต้องมีพระจำพรรษาอย่างน้อย 5 รูป
ความเชื่อของการทอดกฐิน คือ เชื่อกันว่ามีอานิสงส์สูง
พิธีทอด ผ้าป่า
ทำได้ตลอดปี ไม่จำกัดเวลา บุคลล ประเภท เช่น มูลนิธิฯ ต่าง ๆ ร่วมประชาสัมพันธ์ ทอดผ้าป่าเสื้อผ้ามือสอง สำหรับน้องในชนบท เป็นต้น ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา อย่างน้อย
ควรมีพระหนึ่งรูปมาทำพิธี โดยมาชักผ้าบังสกุลนั้น (ผ้าที่แขวนกิ่งไม้ เปื้อนฝุ่น ซากศพ ไม่มีเจ้าของ เป็นต้น) มีอานิสงส์ในการทำบุญทอดผ้าป่าหากใจเป็นกุศล กฐินที่จัดได้เพียงปีละครั้ง
ส่วนผ้าป่าจัดได้ตลอดทั้งปี และไม่ว่าจะร่วมงานประเพณีไหนก้ล้วนเป็นงานบุญที่สร้างความดีงามในจิตใจและส่งต่อให้ผู้อื่นได้อีกด้วย
(ที่มาข้อมูลความแตกต่างกฐินกับผ้าป่า จาก https://news.trueid.net/detail/vWyxxKGp0ZMe)
คงทำให้ทราบถึงความแตกต่างระหว่าง ผ้าป่ากับกฐินกันแล้วนะครับ ยังมีบทความอื่น ๆ อีกที่มีสาระเกี่ยวกับธรรมะมาฝากให้ติดตามกันนะครับ
โดย admin | ม.ค. 8, 2023 | กิจกรรมงานบุญ
ประชาสัมพันธ์เชิญชวน ผู้ที่เกิดปี ปีชง 2566 “ปีระกา” ชงเต็ม 100% “ปีเถาะ , ปีชวด , ปีมะเมีย” ชงร่วมลงชื่อเพื่อทำพิธีสะเดาะเคราะห์ แก้ปีชง พะเก่ง (ตามประเพณีของชาวจีน) ได้ที่สำนักงาน มูลนิธิพรหมธรรมสถานสงเคราะห์ สีคิ้ว
ขอเชิญร่วม ทำบุญ สะเดาะเคราะห์ เพื่อขอพร เสริมดวงชะตา ในปี 2566 นี้
โทรสอบถาม 044-411-061
โดยจะสวดรอบแรก วันที่ 21 มกราคม 2566 ณ วัดพุทธคุณ (สีคิ้ว)
แผนที่ วัดพุทธคุณ(วัดจีนสีคิ้ว)
ปีชง คืออะไร
ปีชง ในภาษาจีน หมายถึง การปะทะ เป็นความเชื่อทางโหราศาสตร์ของจีน มีความเกี่ยวข้องกับองค์เทพไท้ส่วยเอี๊ยหรือภาษาไทย คือ “เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา” ซึ่งมีพลังที่เป็นอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ โดยคำว่าปีชงที่บอกว่าเป็นการปะทะนั้น หมายถึงคู่ปีเกิดไม่ถูกกัน ทำให้คนที่เป็นปีชงใน พ.ศ.2566 โชคร้าย ปีชงใน พ.ศ.2566 มีปีไหนบ้าง ปีไหนชงตรง ปีไหนชงร่วม เลยจะทำให้คุณสามารถเบาใจไปได้บ้างเมื่อได้ทำบุญไหว้พระแก้ปีชง
นอกจากนี้ยังมี ปีชง ร่วม ซึ่งแบ่งย่อยอีก 3 ระดับ ได้แก่
- ปีคัก คือ ปีที่เป็นปีนักษัตรเดียวกับปีนั้น ๆ (ชงตัวเอง)
- ปีเฮ้ง คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรม
- ปีผั่ว คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพ
คลิกอ่านต่อได้สำหรับสถานที่แนะนำสำหรับแก้ปีชงที่นิยม