หลักธรรมแห่งความสำเร็จในการจะปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น คือ อิทธิบาท 4 ซึ่งสำหรับผู้ที่ปฏิบัติแล้วการทำอิทธิสี่นำมาร่วมพิจารณาในการปฏิบัติธรรม เพราะหลักธรรมนี้จัดได้ว่า เป็นหลักธรรมหนทางแห่งความสำเร็จ หรือกล่าวง่าย ๆ ว่า หลักแห่งหนทางนำประสู่ความสำเร็จ ยังมีหลักธรรมอื่นอีกที่นำมาควบคู่ในการปฏิบัติด้วย เช่น พละ5 หรือกำลังทั้ง 5

หลักธรรม พละ 5 คืออะไร (อ่านเพิ่มเติม)

พละ 5 คืออะไร
  • Facebook
  • Twitter
  • Google+
  • Pinterest
  • Gmail
  • Blogger

สำหรับผู้ที่ปฏิบัติย่อมเกิดการท้อถอย หรือ เกิดความท้อในการปฏิบัติ เป็นเรื่องที่เกิดได้ง่าย หรือ สำหรับผู้ดำรงชีวิตประจำวันที่จะต้องทำงาน ให้ประสบความสำเร็จให้ได้ ก็สามารถนำหลักธรรมมาร่วมพิจารณาในการปฏิบัติในการทำงานและดำรงชีวิตให้ผ่านอุปสรรค

อิทธิบาท 4 คืออะไร

หมายถึงหรือ คือ หนทางสู่ความสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย เครื่องให้ถึงไปสู่ความสำเร็จ หรือ ทางแห่งความสำเร็จ หลักธรรม หลักแห่งคุณธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จ มี 4 ประการ ดังนี้

ฉันทะ (ความพอใจ)

คือ ความต้องการที่จะทำ ใฝ่ใจรักจะทำสิ่งนั้นอยู่เสมอ และปรารถนาจะทำให้ ได้ผลดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราได้มีการความคิดอย่างนี้ว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญ อิทธิบาท อันประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธานสังขาร ดังนี้ ว่าฉันทะของเราจักไม่ย่อหย่อนเกินไป ไม่ต้องประคองเกินไป ไม่หดหู่ในภายใน ไม่ฟุ้งซ่านไปในภายนอก และเธอมีความสำคัญในเบื้องหลังและเบื้องหน้าอยู่ว่า เบื้องหน้าฉันใด เบื้องหลังก็ฉันนั้น เบื้องหลังฉันใด เบื้องหน้าก็ฉันนั้น เบื้องล่างฉันใด เบื้องบนก็ฉันนั้น เบื้องบนฉันใด เบื้องล่างก็ฉันนั้น กลางวันฉันใด กลางคืนก็ฉันนั้น กลางคืนฉันใด กลางวันก็ฉันนั้น เธอมีใจเปิดเผย ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรม จิตใจให้สว่างอยู่.

วิริยะ (ความเพียร)

คือ ขยันหมั่นประกอบสิ่งนั้นด้วยความพยายาม เข้มแข็ง อดทน เอาธุระไม่ท้อถอย

ภิกษุย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยสมาธิและปธานสังขาร ดังนี้ว่า วิถานะยะของเราจักไม่ย่อหย่อนเกินไป ไม่ต้องประคองเกินไป … ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรมจิตให้ สว่างอยู่.

 

จิตตะ (ความคิด)

คือ ตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำ และทำสิ่งนั้นด้วยความคิด เอาจิตฝักใฝ่ ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไป

ภิกษุย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยจิตตสมาธิและปธานสังขาร ดังนี้ว่า จิตของเราจักไม่ย่อหย่อนเกินไป ไม่ต้องประคองเกินไป … ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรมจิตให้สว่างอยู่.

 

วิมังสา (ความไตร่ตรอง หรือ ทดลอง)

คือ หมั่นใช้ปัญญา พิจารณาใคร่ครวญ ตรวจหาเหตุผล และตรวจสอบข้อยิ่งหย่อนในสิ่งที่ทำนั้น มีการวางแผน วัดผล คิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง เป็นต้น

ภิกษุย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิมังสาสมาธิและปธานสังขาร ดังนี้ ว่า วิมังสาของเราจักไม่ย่อหย่อนเกินไป ไม่ต้องประคองเกินไป ไม่หดหู่ในภายใน ไม่ฟุ้งซ่านไป ภายนอก และเธอมีความสำคัญในเบื้องหลังและเบื้องหน้าอยู่ว่า เบื้องหน้าฉันใด เบื้องหลังก็ฉัน นั้น เบื้องหลังฉันใด เบื้องหน้าก็ฉันนั้น เบื้องล่างฉันใด เบื้องบนก็ฉันนั้น เบื้องบนฉันใด เบื้องล่างก็ฉันนั้น กลางวันฉันใด กลางคืนก็ฉันนั้น กลางคืนฉันใด กลางวันก็ฉันนั้น เธอมี ใจเปิดเผย ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรมจิตให้สว่างอยู่.

เครดิต https://th.wikipedia.org/wiki/

การนำหลักธรรมอิทธิบาท4นี้ไปใช้อย่างไรในชีวิตประจำวัน

การนำหลักอิทธิบาทที่นำมาปรับไว้ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างที่พบได้มาก คือ การดำเนินชีวิตด้วยการงานเพื่อเลี้ยงชีวิตให้ผ่านพ้นอุปสรรค

ฉ้นทะ คือความพึงพอใจในงานที่ปฏิบัติให้ลุล่วงไปด้วยดี  เป็นการทำความเข้าใจในเนื้องานว่างานที่ทำนั้นจะต้องมีเป้าหมายอย่างไร

วิริยะ คือ ความไม่ท้อถอยต่อปัญหาอุปสรรคในการทำงาน

จิตตะ คือ การไม่ฟุ้งซ่าน ไม่นำจิตออกไปจากงานในขณะที่ทำอย่างตั้งใจ เช่น ขณะทำงานให้มีสมาธิจิตจดจ่อที่การกระทำ ไม่ฟุ้งซ่านใจลอยออกไป เพื่อทำงานไม่เกิดความผิดพลาด

วิมังสา คือ การหาสาเหตุของอุปสรรคนั้นของการทำงาน วางแผน เพื่อนำไปเป็นการหาหนทางและวางแผนแก้ไข อย่างเป็นระบบ

Pin It on Pinterest

Share This

Share This

Share this post with your friends!