โดย admin | ส.ค. 20, 2024 | ธรรมะน่าสนใจ, บทความธรรมมะ, บทความน่าสนใจ
ทำบุญ คืออะไร หลายคำตอบและหลายท่านยังมีความลังเล สงสัย ทำไมต้องทำบุญ ทำแล้วได้อะไร อย่างไร แล้วพระพุทธเจ้าท่านให้หลักธรรมทำบุญไว้อย่างไร ถึงจะทำแล้วไม่งมงายและมีสติ
ซึ่งโดยเบื้องต้นแล้ว จุดมุ่งหมายของศาสนาคือ การให้คนพ้นทุกข์ ด้วยการเดินตามทางสายกลางคือ องค์มรรคแปดประการ หรือ ย่ออย่างง่ายเบื้องต้นคือ ทาน ศีล สมาธิ และ สุดท้ายคือมี ปัญญา เพื่อเห็นทางพ้นทุกข์ และจุดมุ่งหมายแรกคือ ก่อนไปในถึงความเข้าใจในขั้นอื่น ๆ นั้น ต้องมี ทาน และ ศีล เป็นที่สมบูรณ์อย่างมีสติ และ เหตุผล ไม่งมงาย การให้ทาน ก็คือ การให้เพื่อไม่ให้เห็นแก่ตัว และ ละความโลภที่มีในตน กล่าวง่าย ๆ อีกแบบคือ การทำบุญทำทาน
ทำบุญ คืออะไร
การทำบุญ หมายถึง การประกอบให้ความดีเกิดขึ้น ซึ่งมาจากคำว่า “บุญ” (บาลี: ปุญฺญ) หรือ บุณย์ (สันสกฤต: ปุณฺย) ที่หมายถึง ความดี ตรงกันข้ามกับคำว่า บาป (บาลี: อปุญฺญ)
เครดิต https://www.wreathnawat.com/merit-making-in-buddhism/
ทำบุญ ที่จะให้ได้ผลบุญมากหรือน้อยนั้น มีหลักเกณฑ์อยู่ 3 ประการคือ
1.ผู้รับ จะต้องเป็นผู้มีศีล มีคุณธรรมความดี แต่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพระสงฆ์ หรือนักบวช จะเป็นคนทั่วไปก็ได้ ถ้าผู้รับดี ผู้ทำก็ได้บุญมาก หากผู้รับไม่ดี ก็อาจจะทำให้เราได้บุญน้อย เพราะเขาอาจอาศัยผลบุญของเรา ไปทำชั่วได้ เช่น ให้เงินช่วยเหลือเพื่อนๆ กลับเอาไปปล่อยกู้ สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เป็นต้น
2.วัตถุสิ่งของที่ให้ต้องบริสุทธิ์หรือได้มาโดยสุจริต เป็นของที่เหมาะและมีประโยชน์ต่อผู้รับ เช่น ให้เสื้อผ้าของเล่นแก่เด็กกำพร้า เป็นต้น ของที่ให้ดีผู้ทำก็ได้บุญมาก หากได้มาโดยทุจริต แม้จะเอาไปทำบุญก็ได้บุญน้อย
3.ผู้ให้ ต้องมีศีลมีธรรมและมีเจตนาที่เป็นบุญกุศลในการทำ จึงจะได้บุญมาก นอกจากนี้ เจตนาหรือจิตใจในขณะทำบุญ ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญกล่าวคือ ก่อนให้ ขณะให้ และหลังให้ หากผู้ให้มีความตั้งใจดี ตั้งใจทำ เมื่อทำแล้วก็เบิกบานใจ คิดถึงบุญกุศลที่ได้ทำเมื่อใด จิตใจก็ผ่องใสเมื่อนั้น เช่นนี้ก็จะทำให้ผู้ทำได้บุญมาก ถ้าไม่รู้สึกเช่นนั้น บุญก็ลดน้อยถอยลงตามเจตนา
เครดิตเพจ https://www.thaihealth.or.th
การทำบุญนั้น มีหลักธรรมอันสำคัญคือ บุญกิริยา 10 ประการที่กล่าวได้ว่าไม่เสียเงินทองเลย ซึ่งมีข้อเดียวที่เสียวัตถุ คือ ทานมัย ที่เหลือ 9 ข้อไม่มีการเสียวัตถุในการทำบุญ ซึ่งกล่าวได้ว่า ใช้ศรัทธาและปัญญาอย่างมีสติในการทำบุญ ที่มุ่งเน้นการละความโลภมิใช่การนำมาอวดว่ามีบุญมากกว่าสูงกว่า แต่มีคุณธรรม กุศลจิตที่เข้าสู่ในจิตใจ และนำไปสู่การปฏิบัติ ศีล สมาธิ ภาวนาได้ สงบ ปราศจากการกกังวลใด ๆ ต่ออำนาจของกิเลส
บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ
บุญกิริยาวัตถุ แปลว่า หลักแห่งการบำเพ็ญบุญ หรือทางมาแห่งบุญ ๑๐ ประการ คือ
๑. ทานมัย บุญเกิดจากการให้ทาน
๒. สีลมัย บุญเกิดจากการรักษาศีล
๓. ภาวนามัย บุญเกิดจากการเจริญภาวนา
๔. อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อม ถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
๕. ไวยยาวัจมัย บุญเกิดจากการขวนขวาย ในกิจที่ชอบ
๖. ปัตติทานมัย บุญเกิดจากการอุทิศส่วนบุญ
๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการอนุโมทนาบุญ
๘. ธัมมัสสวนมัย บุญเกิดจากการฟังธรรม
๙. ธัมมเทสนามัย บุญเกิดจากการแสดงธรรม
๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ บุญเกิดจากการทำความเห็นให้ตรง
โดย admin | ส.ค. 7, 2024 | บทความน่าสนใจ
พินทุผ้า ไตรจีวรหรือการอธิฐานผ้าครอง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่ง เรียกพินทุกัปปะ กการอธิฐานผ้าครองนั้นเป็นการลงตำหนิไว้บนผ้าไตรจีวร โดยอย่างยิ่ง พระที่บวชใหม่ จะยังไม่เข้าใจกระบวนการพินทุและต้องสวดอย่างไร
ทำความเข้าใจว่าผ้าไตรของพระสงฆ์อะไรบ้าง
ไตรครอง
ผ้าไตรครบชุด (7 ชิ้น) ประกอบด้วย
ผ้าสบงขัณฑ์, ผ้าจีวร, ผ้าพาดบ่าหรือสังฆาฏิ (2 ชั้น), อังสะ, รัดประคด, ผ้ารัดอก และผ้ารับประเคนหรือผ้ากราบ
นิยมถวาย งานบวชพระ หรือพิธีมงคลพิเศษ
ไตรเต็ม
ผ้าไตรครบชุด หรือ ไตรใหญ่ (7 ชิ้น) ประกอบด้วย
ผ้าสบงขัณฑ์, ผ้าจีวร, ผ้าพาดบ่าหรือสังฆาฏิ (1ชั้น), อังสะ, รัดประคด, ผ้ารัดอก และผ้ารับประเคนหรือผ้ากราบ
นิยมถวายพระงานมงคลพิเศษ อาทิ งานบวชพระ ทำบุญบ้าน ทำบุญเพื่อบรรพบุรุษหรือญาติที่ล่วงลับไปแล้ว
ไตรอาศัย หรือ ไตรเล็ก
ผ้าไตรเล็ก หรือ ไตรแบ่ง (3 ชิ้น) เป็นผ้าที่พระสงฆ์เอาไว้ผลัดเปลี่ยน หรือสำรองไว้ใช้ ประกอบด้วย
สบงอนุวาต, จีวร และ อังสะ
นิยมถวายพระงานบุญทั่วไป ใช้ได้ในทุกโอกาส ไม่จำกัด
เครดิต https://dharayath.com
พินทุผ้า คืออะไร
การพินทุ ในทางพุทธศาสนาหมายถึง การทำจุดตำหนิลงบนบริขาร ซึ่งพระพุทธเจ้ากำหนดไว้ในพระธรรมวินัยว่า ไม่อนุญาตให้ใช้บริขารที่ปราศจากการทำจุดตำหนิ การพินทุกระทำโดยใช้ดินสอหรือปากกา เขียนเครื่องหมายเป็นจุดเรียงกันเป็นสามเหลี่ยม ∴ ลงบนบริขาร ถ้าเป็นผ้าก็จะกระทำไว้ที่มุมผ้า พร้อมบริกรรมคาถาว่า อิมํ พินฺทุกปฺปํ กโรมิ (เราทำเครื่องหมายด้วยจุดนี้) หนึ่งจุดต่อหนึ่งครั้ง บางวัดอาจเปลี่ยนคำกลางเป็น กปฺปพินฺทุ˚ ก็ได้ แล้วให้มีการทำวิกัปเกี่ยวกับจีวรและสังฆาฏิด้วย ถ้าไม่กระทำถือว่าอาบัติ มีโทษเป็นปาจิตติยกรรม
เครดิตเพจ https://th.wikipedia.org/wiki
การทำพินทุผ้า
การพินทุผ้า เริ่มด้วยการตั้งนะโมฯ ๓ จบ แล้วใช้ปากกาทำเครื่องหมายที่มุมผ้า เป็นจุดขนาดประมาณเมล็ดถั่วเขียว ๓ จุด แต่ละจุดห่างกันให้เป็นรูปสามเหลี่ยมพร้อมกับกล่าวคำทำพินทุว่า เราทำเครื่องหมายด้วยจุดนี้ เป็นภาษาบาลี
คำพินทุกัปปะ
พึงตั้งนะโม ๓ จบก่อน และเปล่งวาจาหรือผูกใจขณะที่ทำอยู่ว่า
อิมัง พินทุกัปปัง กะโรมิ
ทุติยัมปิ อิมัง พินทุกัปปัง กะโรมิ
ตะติยัมปิ อิมัง พินทุกัปปัง กะโรมิ.
การอธิษฐานผ้า
อธิษฐานในทางพระวินัย คือ การตั้งเอาไว้หรือตั้งใจกำหนดเอาไว้ เช่น การได้ผ้ามาผืนหนึ่ง เราก็จะต้องอธิษฐานตั้งใจว่าจะใช้เป็นผ้าอะไร เช่น เป็นสังฆาฏิ เป็นสบง หรือจีวร เป็นต้น โดยสามารถอธิษฐานได้อย่างละผืนเท่านั้น ยกเว้น ผ้าบริขารโจละ และผ้าเช็ดหน้า สามารถอธิษฐานได้มากกว่า ๑ ผืน
การอธิษฐานผ้า ทำได้โดย ตั้งนะโมฯ ๓ จบ แล้วกล่าวคำอธิษฐานผ้าพร้อมกับใช้มือลูบผ้าวนขวา ๓ ครั้ง เช่น
การอธิษฐานผ้าสังฆาฏิ ว่าดังนี้
อิมัง สังฆาฏิง อธิฏฐามิ
ทุติยัมปิ อิมัง สังฆาฏิง อธิฏฐามิ
ตะติยัมปิ อิมัง สังฆาฏิง อธิฏฐามิ.
เมื่อจะอธิษฐานบริขารอื่น ๆ ให้เปลี่ยนคำว่า สังฆาฏิง ไปตามชนิด
อุตตะราสังคัง ผ้าอุตราสงค์ (จีวร)
อันตะระวาสะกัง ผ้าอันตรวาสก (สบง)
นิสีทะนัง อาสนะ
ปัตตัง บาตร
ปะริกขาระโจลัง ผ้าบริขาร ผ้าเล็กผ้าน้อย
มุขะปุญฉะนะโจลัง ผ้าเช็ดหน้า
วัสสิกะสาฏิกัง ผ้าอาบน้ำฝน
สำหรับผ้าบริขารโจละ และผ้าเช็ดหน้า ถ้าอธิษฐานตั้งแต่สองผืนขึ้นไปให้เปลี่ยน อิมัง เป็น อิมานิ และ อัง ท้ายศัพย์ เป็น อานิ เช่น
อิมานิ ปะริกขาระโจลานิ อธิฏฐามิ
ทุติยัมปิ อิมานิ ปะริกขาระโจลานิ อธิฎฐามิ
ตะติยัมปิ อิมานิ ปะริกขาระโจลานิ อธิฏฐามิ
การถอนอธิษฐาน
ผ้าอธิษฐานเหล่านี้ถ้าจะเปลี่ยนใหม่ ให้ถอน อธิษฐาน โดยเปลี่ยนคำว่า สังฆาฏิง ไปตามชนิดของบริขารนั้นๆ) ด้วยคำว่า
อิมัง สังฆาฏิง ปัจจุทธะรามิ
ทุติ ยัมปิ อิมัง สังฆาฏิง ปัจจุทธะรามิ
ตะติยัมปิ อิมัง สังฆาฏิง ปัจจุทธะรามิ
เครดิต https://kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=21878
โดย admin | ก.ค. 31, 2024 | ธรรมะน่าสนใจ, บทความน่าสนใจ
การอุทิศส่วนกุศล ให้กับผู้ล่วงลับสามารถทำได้ตลอดปี หรือ ทำบุญครบ 100 วัน หรือ ทำบุญครบ 1ปี โดยทั่วไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลนั้น ก็มักจะเลือกถวายสังฆทาน อาจจะเพราะด้วยเหตุการปัจจุบันที่ไม่ค่อยมีเวลา จึงต้องเน้นความสะดวก แต่หลายท่านอาจจะไม่แน่ใจว่า ทำถูกต้องหรือถูกวิธีหรือไม่ และต้องเริ่มต้นอย่างไรในการ ถวายสังฆทานเพื่ออุทิศให้กับผู้ล่วงลับ
อ่านเพิ่มเติมเเนะนำอโหสิกรรม เพื่อขอขมาผู้ล่วงลับ ลดกรรมได้จริงหรือไม่
การอุทิศส่วนกุศล คืออะไร
การทำบุญอุทิศคือ ทำบุญอุทิศแจกส่งส่วนบุญให้ถึงดวงวิญญาณของญาติ ผู้ตายไปแล้ว เพื่อให้ผู้ตายได้รับผลบุญกุศลสนับสนุนให้ไปเกิดในภพหน้าที่ดี
เครดิตเพจ https://so06.tci-thaijo.org/index.php
ขั้นตอนการถวายสังฆทานใน การอุทิศส่วนกุศล มีดังนี้
ในพิธีการถวาย ต้องจุดธูป 3 ดอก เทียน 2 เล่ม (ด้านซ้ายและขวาของ พระพุทธรูป หรือด้านขวาและซ้ายมือของเรา)
จากนั้น…..กล่าวคำบูชาพระรัตนะตรัยพร้อมกัน และกราบพระอีกครั้งว่า
“อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวังตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมังนะมะสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆังนะมามิ” (กราบ)
จากนั้น…..แล้วอาราธนาศีล ว่า
“มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ”
เสร็จแล้ว พระจะให้ศีล เราพนมมือกล่าวรับศีลจากพระ รับศีลจบแล้วตั้งนะโม…เพื่อเป็นการเคารพนบนอบต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า
“นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ” 3 จบ
จากนั้น…..กล่าวคำถวายสังฆทานโดยกล่าวดังนี้
“อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุ สังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ”
โดยกล่าวคำแปลต่อ โดยกล่าวว่า
“ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายภัตตาหาร กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์โปรดรับภัตตาหารกับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานเทอญ”
เมื่อกล่าวคำถวายเสร็จ พระจะกล่าวพร้อมกันว่า “สาธุ” แล้วเราเข้าไปถวายสังฆทาน ซึ่งจะนำมาวางอยู่ต่อหน้าพระสงฆ์ก่อนแล้ว เวลาประเคนถ้าประเคน 2 คน ก็จับเครื่องไทยธรรมนั้น ๆ ทั้ง 2 คน ยกให้สูงจากพื้นที่วางของ แล้วประเคนให้พระสงฆ์รับ หลังจากนั้นพระสงฆ์จะอนุโมทนา ตอนนี้เป็นตอนที่สำคัญที่สุดในการทำบุญเพื่ออุทิศให้กับพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย ต้องมีสมาธิมีเจตนาแน่วแน่ในการทำบุญอุทิศ ซึ่งจะทำให้ได้อานิสงส์แรง พระจะสวดเป็นภาษาบาลีว่า
“ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา จันโท ปัณณะระโส ยะถา มะนิโชติระโส ยะถา”
พอพระเริ่มกล่าวคำว่า ยะถา วะริวะหา… เราก็เริ่มกรวดน้ำทันที (ให้รินน้ำลงในที่รองรับช้า ๆ เป็นสายน้ำอย่าให้ขาดสายจะดี) พร้อมกับกล่าวคำอุทิศส่วนบุญที่เราได้ทำในครั้งนี้ไปให้กับ บิดามารดา ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ทุกข์ก็ให้พ้นทุกข์ ที่มีสุข ก็ให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้น หรือกล่าวคำกรวดน้ำเป็นภาษาบาลีอย่างย่อก็ได้ว่า
“อิทังเม ญาติณังโหตุ สุขิตาโหตุ ญาตะโญ”
แปลว่า “ขอให้บุญนี้จงสำเร็จแก่บิดามารดา และญาติพี่น้องของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอให้มีความสุขกายสุขใจ” ถ้าว่าไม่ได้หรือจำไม่ได้ ก็ให้กล่าวเป็นภาษาไทยอย่างเดียวก็ได้ แต่ต้องตั้งจิตอธิษฐานด้วยใจ อย่ากล่าวแต่ปากโดยใจมิได้จดจ่อกับสิ่งที่กล่าว
เมื่อพระสวดคำว่า “จันโท ปัณณะระโส ยะถา มะนิโชติระโส ยะถา” ก็ให้รินน้ำลงให้หมด ขณะนี้พระยังสวดต่ออีก เป็นการสวดให้พรแก่ตัวเราแล้ว ไม่ใช่การอุทิศส่วนบุญให้ผู้อื่น/สัตว์อื่น) เราก็นั่งพนมมือทำจิตใจให้อิ่มเอิบเบิกบานรับพรจากพระ เมื่อพระสวดจบก็เป็นอันเสร็จ พิธีถวายสังฆทาน อย่างสมบูรณ์
การถวายสังฆทานอุทิศให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว
การถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่ออุทิศแก่ผู้ตาย หรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เรียกว่า มะตะกะภัต พิธีการต่าง ๆ ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับการถวายสังฆทาน ผ้าไตรทั่วไป แต่จะมีความแตกต่างกัน ตรงที่ คำกล่าวถวายมีการเปลี่ยนคำบางคำไป เพื่อให้เหมาะสมและถูกต้อง ตามความตั้งใจที่ต้องการถวายสังฆทานแด่ผู้ล่วงลับไปแล้ว
การอุทิศส่วนกุศลนั้นนิยมทำช่วงเวลาใดบ้าง
ในการทำบุญถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่ออุทิศให้ผู้ล่วงลับ สามารถทำได้ทุกวัน และยังมีวันพิเศษที่ควรทำบุญให้ตามความเชื่อ ได้แก่ วันพระ วันครบรอบวันตาย 7 วัน, 50 วัน, 100 วัน, และหากเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ก็ยังมีการทำบุญในสถานที่เกิดอุบัติเหตุนั้นๆด้วย ซึ่งมีเหตุผลดังต่อไปนี้
1. วันพระ เฉพาะวันพระขึ้น 15 ค่ำ: เป็นวันที่ยมโลกนรกหยุดทัณฑ์ทรมานให้สัตว์นรก 1 วันโลกมนุษย์ สัตว์นรกมีทุกขเวทนาเบาบางลง จึงมีโอกาสระลึกถึงบุญกุศลที่ตนทำและอนุโมทนาส่วนบุญที่ผู้อื่นอุทิศให้ได้เต็มที่ ส่วนญาติที่เกิดเป็นเทวดาก็จะนิยมมาฟังธรรมในวันพระและตรวจดูการทำบุญกุศลและอนุโมทนาบุญกับผู้ที่ทำความดีในโลกนี้ เราจึงควรทำบุญตักบาตร และ ถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่ออุทิศบุญให้แก่ผู้ล่วงลับ
2. วันครบรอบวันตาย 7 วัน: ในกรณีที่ผู้ตายไปแล้วเป็นผู้ที่ทำกรรมดีและชั่วไม่มากพอ บุญบาปที่ตนทำในโลกนี้ยังไม่ส่งผลในทันที ผู้ตายจะวนเวียนอยู่ 7 วันเพื่อให้มีโอกาสระลึกถึงบุญกุศลได้ หากผู้ตายระลึกถึงบุญกุศลที่ตนเคยทำได้ หรือ หากญาติมิตรทำบุญอุทิศให้อย่างถูกวิธี และอนุโมทนาบุญ ผลบุญนั้นก็จะพาไปเกิดในที่ดี เราจึงควรทำบุญตักบาตร และ ถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่ออุทิศบุญแก่ผู้ล่วงลับในวันนี้แช่นกัน
3. วันครบรอบวันตาย 50 วัน: ในกรณีที่ผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่ยมโลกพาไปยมโลกแล้ว ช่วงระหว่างเวลา 50 วันหลังตาย คือช่วงเวลาที่ผู้ตายกำลังรอคอยลำดับคิวการพิพากษาตั้งแต่ถูกลากตัวไปจากมนุษย์โลก ผ่านประตูยมโลก อยู่หน้าลานรอขานชื่อเพื่อเข้าพบพระยายมราช
*พระยายมราช คือ เทพชั้นจาตุมหาราชิกาประเภทหนึ่งที่มีกรรมเกี่ยวพันด้านกฎหมาย ชอบตัดสินคดีความด้วยความซื่อสัตย์ตอนสมัยเป็นมนุษย์และทำบุญ หรือเมื่อทำบุญก็ตั้งความปรารถนาไว้
4. วันครบรอบวันตาย 100 วัน: ช่วงเวลาระหว่าง 51 ถึง 100 วัน คือช่วงกำลังถูกพิพากษา พระยายมราชจะซักถามความประพฤติตอนสมัยเป็นมนุษย์ และจะส่งไปเกิดเป็นอะไรต่ออะไร ช่วงนี้ถ้าญาติทำบุญตักบาตร หรือถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร และอุทิศบุญไปให้ก็ยังรับบุญได้
เครดิตจากเพจ
โดย admin | ก.ค. 10, 2024 | บทความน่าสนใจ
ทำบุญครบ 1 ปี เป็นประเพณีสืบทอดกันมาอย่างหนึ่งที่รำลึกถึงผู้ล่วงลับและต้องการที่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลผลบุญ แด่บุคคลที่ล่วงลับ รวมถึงขออโหสิกรรมต่างๆ ที่ได้ล่วงเกินต่อผู้ล่วงลับ อีกทั้งยังได้เป็นโอกาสที่ครอบครัวพี่น้องได้กลับมารวมตัวกันพบประ พูดคุยในเรื่องต่างๆ กันด้วย ดังนั้น การจัดเตรียมนั้นอาจจะมีสิ่งของหลายอย่างเพื่อใช้ในงาน บางท่านอาจจะจำไม่ได้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง
วันพระ เฉพาะวันพระขึ้น 15 ค่ำ: เป็นวันที่ยมโลกนรกหยุดทัณฑ์ทรมานให้สัตว์นรก 1 วันโลกมนุษย์ สัตว์นรกมีทุกขเวทนาเบาบางลง จึงมีโอกาสระลึกถึงบุญกุศลที่ตนทำและอนุโมทนาส่วนบุญที่ผู้อื่นอุทิศให้ได้เต็มที่ ส่วนญาติที่เกิดเป็นเทวดาก็จะนิยมมาฟังธรรมในวันพระและตรวจดูการทำบุญกุศลและอนุโมทนาบุญกับผู้ที่ทำความดีในโลกนี้ เราจึงควรทำบุญตักบาตร และ ถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่ออุทิศบุญให้แก่ผู้ล่วงลับ
วันครบรอบวันตาย 7 วัน: ในกรณีที่ผู้ตายไปแล้วเป็นผู้ที่ทำกรรมดีและชั่วไม่มากพอ บุญบาปที่ตนทำในโลกนี้ยังไม่ส่งผลในทันที ผู้ตายจะวนเวียนอยู่ 7 วันเพื่อให้มีโอกาสระลึกถึงบุญกุศลได้ หากผู้ตายระลึกถึงบุญกุศลที่ตนเคยทำได้ หรือ หากญาติมิตรทำบุญอุทิศให้อย่างถูกวิธี และอนุโมทนาบุญ ผลบุญนั้นก็จะพาไปเกิดในที่ดี เราจึงควรทำบุญตักบาตร และ ถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่ออุทิศบุญแก่ผู้ล่วงลับในวันนี้แช่นกัน
วันครบรอบวันตาย 50 วัน: ในกรณีที่ผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่ยมโลกพาไปยมโลกแล้ว ช่วงระหว่างเวลา 50 วันหลังตาย คือช่วงเวลาที่ผู้ตายกำลังรอคอยลำดับคิวการพิพากษาตั้งแต่ถูกลากตัวไปจากมนุษย์โลก ผ่านประตูยมโลก อยู่หน้าลานรอขานชื่อเพื่อเข้าพบพระยายมราช
*พระยายมราช คือ เทพชั้นจาตุมหาราชิกาประเภทหนึ่งที่มีกรรมเกี่ยวพันด้านกฎหมาย ชอบตัดสินคดีความด้วยความซื่อสัตย์ตอนสมัยเป็นมนุษย์และทำบุญ หรือเมื่อทำบุญก็ตั้งความปรารถนาไว้
วันครบรอบวันตาย 100 วัน: ช่วงเวลาระหว่าง 51 ถึง 100 วัน คือช่วงกำลังถูกพิพากษา พระยายมราชจะซักถามความประพฤติตอนสมัยเป็นมนุษย์ และจะส่งไปเกิดเป็นอะไรต่ออะไร ช่วงนี้ถ้าญาติทำบุญตักบาตร หรือถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร และอุทิศบุญไปให้ก็ยังรับบุญได้
เครดิตเพจจาก https://dharayath.com/
ทำบุญครบ 1 ปี ต้องจัดเตรียมอย่างไร
นิยมทำกันอยู่ 2 แบบ คือ การทำบุญวันเดียว กับทำบุญแบบสองวัน
ทำบุญวันเดียว เจ้าภาพจะต้องนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 5 รูป, 7 รูป หรือ 9 รูป มาสวดเจริญพระพุทธมนต์ และเลี้ยงอาหารพระให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียวกัน โดยอาจจะทำในช่วงที่พระฉันเช้าหรือฉันเพล ตามความสะดวกของเจ้าภาพก็ได้
ส่วนในกรณีที่ทำบุญแบบสองวัน เจ้าภาพจะต้องนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 5 รูป, 7 รูป หรือ 9 รูป มาสวดเจริญพระพุทธมนต์ในตอนเย็น และในวันรุ่งขึ้นก็เลี้ยงอาหารพระในตอนเช้าหรือตอนฉันเพล โดยเจ้าภาพสามารถจัดให้มีการแสดงธรรมเทศนาด้วยก็ได้
เครดิตข้อมํลจากเพจ
โดย admin | ก.ค. 9, 2024 | บทความน่าสนใจ
ทำบุญ 100 วัน สำหรับผู้ล่วงลับ ต้องเตรียมตัวอย่างไร สำหรับจัดหาสิ่งของ เช่น ผ้าไตรจีวร ชุดสังฆทาน ผู้ที่กำลังเตรียมตัวนั้นอาจจะลืมขั้นตอนหรือกังวล บทความนี้จะรวบรวมสำหรับเบื้องต้นในการจัดเตรียมและขั้นตอน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ
ทําบุญ 100 วัน เตรียมสิ่งของเบื้องต้นอะไรบ้าง
โดยเบื้องต้นมีดังนี้
- เตรียมจตุปัจจัยไทยธรรม (ชุดสังฆทาน) ดอกไม้ อาหาร จัดตามจำนวนของพระสงฆ์ที่ได้นิมนต์ รวมถึงจัดเตรียมข้าวไหว้พระพุทธ และสำหรับผู้ล่วงลับด้วยที่ขาดไม่ได้คือรูปภาพของผู้วล่วงลับ หรือ จะเขียนชื่อนามสกุลใส่กระดาษ แล้วเอยนามก็ได้
- นำภาพของผู้วายชนม์โยงสายสิญจน์
เครดิตจากเพจ https://funeral.in.th/
ทําบุญ 100 วัน มีขั้นตอนอย่างไร
เมื่อถึงวันครบรอบการเสียชีวิต 7 วัน, 50 วัน และ ทำบุญ 100 วัน ของผู้ล่วงลับ เจ้าภาพจะต้องนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 8 รูป, 10 รูป หรือมากกว่านั้นแล้วแต่กรณี มาสวดเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อถวายสังฆทาน ภัตตาหาร และทอดผ้าบังสุกุล เพื่อส่งผลบุญให้กับผู้ล่วงลับ
นำสังฆทานที่จัดเตรียมแล้วไปยังวัดที่ต้องการถวาย จากนั้นให้แจ้งเจ้าหน้าที่หรือผู้รับผิดชอบของทางวัด ว่าต้องการมาถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร แจ้งความประสงค์หรือไปยัง จุดที่ ได้มีการกำหนดไว้แล้วเพื่อการถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร ของวัดนั้น ซึ่งมีการกำหนดสถานที่ไว้แล้ว
แจ้งต่อท่านถึงความตั้งใจ ที่จะมาถวายสังฆทาน หรือ ผ้าไตร แก่ผู้ล่วงลับ โดยอาจเขียนชื่อและนามสกุลของ พูดล่วงลับ แจ้งกับพระสงฆ์ผู้มารับสังฆทาน หรือ ผ้าไตร เพื่อให้ท่านรับทราบถึงจุดประสงฆ์ของการทำสังฆทานในครั้งนี้ จากนั้นท่านอาจกล่าว ขึ้น เพื่อเรียกขาน วิญญาณผู้ล่วงลับให้มารับทราบ มาเตรียมรับบุญนี้
เครดิตเพจข้อมูลจาก https://www.wreathmala.com/
ทางปฏิบัติส่วนใหญ่นั้น พิธีทำบุญครบรอบให้ผู้ล่วงลับน้ัน จะมีครบรอบวันตาย 7 วัน, 50 วัน , 100 วัน และ 1 ปี
นิยมทำกันอยู่ 2 แบบ คือ การทำบุญวันเดียว กับทำบุญแบบสองวัน
ทำบุญวันเดียว เจ้าภาพจะต้องนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 5 รูป, 7 รูป หรือ 9 รูป มาสวดเจริญพระพุทธมนต์ และเลี้ยงอาหารพระให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียวกัน โดยอาจจะทำในช่วงที่พระฉันเช้าหรือฉันเพล ตามความสะดวกของเจ้าภาพก็ได้
ส่วนในกรณีที่ทำบุญแบบสองวัน เจ้าภาพจะต้องนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 5 รูป, 7 รูป หรือ 9 รูป มาสวดเจริญพระพุทธมนต์ในตอนเย็น และในวันรุ่งขึ้นก็เลี้ยงอาหารพระในตอนเช้าหรือตอนฉันเพล โดยเจ้าภาพสามารถจัดให้มีการแสดงธรรมเทศนาด้วยก็ได้
เครดิตข้อมํลจากเพจ
การจัดเลือกซื้อสังฆทานหรือสิ่งของสำหรับถวาย
เบื้องต้นมีข้อแนะนำดี ๆ ดังนี้สำหรับผู้ล่วงลับ
สังฆทานที่นำไปถวายควรประกอบไปด้วย
1. อาหารสด เช่น ข้าวต้ม กระเพาะปลา ก๋วยจั๊บ ผัดผักรวมมังสะวิรัติ ควรมีอาหารประมาณ 3 ประเภท ควรมีอาหารแห้งด้วยประกอบไปด้วย ข้าวสาร ปลากระป๋อง หรืออาหารแห้งสำเร็จรูปอื่นๆ หรือสิ่งที่จะให้โรงครัวประกอบอาหารได้ เช่น น้ำปลา ซอส ซีอิ๊ว เพราะบางวัด ท่านมีโรงครัว หากทำสังฆทานอุทิศให้ทำอาหารที่คนตายชอบก็ได้ หากทำเพื่อตนเองสร้างบุญก็เอาสิ่งที่เราทานเราชอบ (อานิสงส์ที่จะได้รับ คือมีร่างกายบริบูรณ์ไปไหนมาไหน ไม่อดไม่อยาก)
2. ข้าวสวย (อานิสงส์ที่ได้รับเหมือนข้อหนึ่ง)
3. น้ำ สะอาด (อานิสงส์ที่ได้รับคือ มีน้ำดื่ม ไม่ขาดแคลนน้ำใช้ หากเรายังไม่ตาย)
4. รองเท้า 1 คู่ (อานิสงส์ที่จะได้รับคือ จะมีสัมผัสที่ดีขึ้น เท้าเดินเหินสะดวก ตายไปมียานพาหนะทิพย์สะดวกสบาย การให้ยานพาหนะถือว่าให้ความสุข แค่รองเท้า 1 คู่ ญาติเราที่ตายโมทนาเขาจะมีความสุขขึ้นมากๆ)
5. จีวร อังสะ สบง รัดประคต หากเราทรัพย์น้อย ให้ทำบุญผ้าเช้ดหน้า 1 ผืนก็ได้ (อานิสงส์ที่เราจะได้รับคือไม่ขาดแคลน เครื่องนุ่งห่ม แล้วก็ใส่อะไรก็สบายดูดี ผิวพรรณงดงาม ผู้ได้รับคือมีเสื้อผ้าเครื่องทรงทิพย์)
6. ยารักษาโรค (อานิสงส์ที่จะได้รับคือ โรคที่เราเป็นจะบรรเทาลง)
7. เสื่อ สาด เครื่องปูลาด อาสนะสงฆ์ (อานิสงส์ที่จะได้รับคือ ฐานะจะไม่ตกต่ำ อย่างน้อยเท่าเดิม ฐานะทรงตัว เกิดชาติหน้าสูงศักดิ์ และหนุนเรื่องการทำภาวนาจะได้ผลไว เข้าสมาธิได้ไว)
8. หนังสือ มนต์พิธีแปล (อานิสงส์ได้รับคือสติปัญญา ที่เพิ่มขึ้นทั้งทางโลกและทางธรรม ช่วยสืบต่อพระศาสนาด้วย)
9. พระ พุทธรูปปางวันเกิดเรา หรือคนที่เราจะอุทิศให้ ขนาดตั้งแต่ 7 นิ้วขึ้นไป (อานิสงส์ที่จะได้รับคือสุขภาพกายเราจะดีขึ้นทรงตัว รูปงามขึ้น มีความเด่นท่ามกลางฝูงชน มีเสน่ห์ขึ้น)
10. ร่ม (อานิสงส์ที่จะได้รับคืออยู่ไหนก็ไม่เดือดร้อน สุขสบาย มีที่พึ่งร่มเย็น ผีโมทนาแล้วได้ ร่มหรือที่พักพิง)
11.อื่น ๆ เช่น สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำ ไม้ถูพื้น แปรงล้างห้องน้ำ ไม้กวาด (อานิสงส์ที่ได้รับ ผิวพรรณผู้ที่ไม่สวยจะดีขึ้นนวลเนียนสวยขึ้นโรคที่เป็นจะทุเลาลง ไม้กวาดจะทำให้เราผิวงาม)
12. เงินประมาณ 100 บาท ใส่ซองเขียนด้วยว่า ใช้ในกิจสงฆ์ส่วนรวมได้หมดทุกอย่าง (หากท่านนำไปใช้ ซื้อข้าวของมาทำภัตตาหารให้พระเณรเราก็ได้บุญสังฆทาน หากท่านนำไปสร้างโบสถ์
เราได้บุญวิหารทาน เงินส่วนนี้จึงสำคัญมาก จะหนุนให้เราได้ลาภลอย)
เครดิตจากเพจ https://dharayath.com/
โดย admin | ก.ค. 1, 2024 | บทความน่าสนใจ
ทำบุญตักบาตร เป็นการทำบุญที่มีมาช้านานสำหรับชาวพุทธ ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะถวายหรือทำทานเพื่อทำให้จิตใจลดละความตรระหนี่และความโลภ รู้จักการให้ ด้วยการใส่บาตร และยังนับได้ว่าส่งผลถึงอานิสงส์ให้กับผู้ใส่และผู้ล่วงลับ เพราะมักจะกรวดน้ำและอธิฐานถึงผู้ล่วงลับ ทำบุญตักบาตรนั้นมีมาตั้งแต่พทุธกาลเลยทีเดียว
การทำบุญตักบาตรมีทั้งตักบาตรประจำวัน และ ตามวันสำคัญทางศาสนา เช่นวัน ออกพรรษา หรือที่เราเรียกว่า ตักบาตรเทโว
ทำบุญตักบาตร คืออะไร
คือประเพณีอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธปฏิบัติกันมาแต่สมัยพุทธกาล พระภิกษุจะถือบาตรออกบิณฑบาตเพื่อรับอาหารหรือทานอื่น ๆ ตามหมู่บ้านในเวลาเช้า ผู้คนที่ออกมาตักบาตรจะนำของทำทานต่าง ๆ เช่น ข้าว อาหารแห้ง มาถวายพระ
ประเพณีนี้ชาวพุทธถือกันว่าเป็นการสร้างกุศล และถือว่าเป็นการแผ่ส่วนกุศลให้กับญาติผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย โดยเชื่อกันว่าอาหารที่ถวายไปนั้นจะส่งถึงญาติผู้ล่วงลับด้วย
เครดิตเพจจาก
ทำบุญตักบาตรมีที่มาอย่างไร
การทำบุญตักบาตรนี้มีมาแต่ครั้งพุทธกาล เมื่อพระพุทธองค์ทรงผนวชใหม่ๆ ยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงประทับที่สวนมะม่วง พระองค์เสด็จบิณฑบาตผ่านกรุงราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ ชาวเมืองเห็นพระมาบิณฑบาตก็ชวนกันนำอาหารมาตักบาตรเป็นครั้งแรก นับแต่นั้นมา การตักบาตรจึงถือเป็นประเพณีมาจนบัดนี้
และเมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้ใหม่ๆ ประทับอยู่ที่ควงไม้เกด มีพ่อค้า ๒ คน นำข้าวสัตตุก้อน สัตตุผง ซึ่งเป็นเสบียงสำหรับเดินทางเข้าไปถวาย พระพุทธองค์ทรงรับไว้ด้วยบาตร นี่ก็เป็นที่มาของการตักบาตรทางพระพุทธศาสนาด้วยประการหนึ่ง
เครดิตจากเพจ https://www.thammculture.com/merit-making-morning/
ประเพณีตักบาตรที่สำคัญในวันสำคัญทางศาสนา “ตักบาตรเทโว”
การทำบุญตักบาตร ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก คำว่า เทโว ย่อมาจากคำว่า เทโวโรหนะ ซึ่งแปลว่า การเสด็จลงจากเทวโลก ความเดิมมีว่าในพรรษาที่ 7 นับแต่วันตรัสรู้พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อเทศน์โปรดพระพุทธมารดา จนบรรลุโสดาปัตติผล ครั้นออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 แล้วจึงเสด็จลงจากเทวโลกที่เมืองสังกัสสะนคร ในกาลที่เสด็จลงจากเทวโลก ได้มีเนินเป็นอันเดียวกันจนถึงพรหมโลก เมื่อทรงแลดูข้างล่าง สถานที่นั้นก็มีเนินอันเดียวกันจนถึงอเวจีมหานรก ทรงแลดูทิศใหญ่และทิศเฉียง จักรวาลหลายแสนก็มีเนินเป็นอันเดียวกัน เทวดาก็เห็นพวกมนุษย์ แม้พวกมนุษย์ก็เห็นเทวดา สัตว์นรกก็เห็นมนุษย์และเทวดา ต่างก็เห็นกันเฉพาะหน้าทีเดียว ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีขณะที่พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ รุ่งขึ้นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11
ชาวเมืองจึงพากันทำบุญตักบาตรเป็นการใหญ่เพราะไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้ามาถึง 3 เดือน การทำบุญตักบาตรในวันนั้นจึงได้ชื่อว่า ตักบาตรเทวโรหนะ ต่อมามีการเรียกกร่อนไปเหลือเพียง ตักบาตรเทโว เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นและเพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามให้คงอยู่ เทศบาลนครเชียงรายจึงได้จัดงานประเพณี “ตักบาตรเทโว” เพื่อสืบทอดและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นประจำทุกปี
การทำบุญตักบาตรจะสมบูรณ์ได้ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้
- ต้องเตรียมใจให้พร้อม ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะบุญที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ใจของผู้ถวาย ท่านแนะนำให้รักษาเจตนาให้บริสุทธิ์ทั้ง 3 ขณะ คือ
- ก่อนถวาย ตั้งใจเสียสละอย่างแท้จริง
- ขณะถวาย ก็มีใจเลื่อมใส ถวายด้วยความเคารพ
- หลังจากถวายแล้ว ต้องยินดีในทานของตัวเองจิตใจเบิกบานเมื่อนึกถึงทานที่ตนเองได้ถวายไปแล้ว การทำใจให้ได้ทั้ง 3 ขณะดังกล่าวนี้ นับว่ายากมาก เพราะมีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำให้จิตใจของเราเศร้าหมองในขณะใดขณะหนึ่งได้
เครดิตเพจ https://correspondence.cad.go.th/main.php?filename=takbat