วันวิสาขบูชา  ตรงกับวันที่เท่าไหรและสำคัญอย่างไร

วันวิสาขบูชา ตรงกับวันที่เท่าไหรและสำคัญอย่างไร

วันวิสาขบูชา คือหนึ่งในวันที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันอาสาฬหบูชา , วันมาฆบูชา และวันวิสาฆบูชา  ซึ่งจะตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 และมีเหตุการณ์สำคัญ คือ ประสูตร ตรัสรู้ ปรินิพพาน อีกทั้งเป็นวันพระใหญ่ที่ส่วนใหญ่จะพาครอบครัวไปทำบุญที่วัดและอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร หรือ ผู้ล่วงลับในครอบครัว เพราะมีความเชื่อว่า เป็นวันที่มีความสำคัญและเป็นวันที่ศักดิ์มาก

วันวิสาขบูชา คือวันอะไร

เป็นวันที่สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งเกิดขึ้นในวันและเดือนเดียวกัน คือ ในวันเพ็ญ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ) เดือนหก หรือเดือนเวสาขะ พระจันทร์เสวยวิสาขฤกษ์
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อกว่าสองพันห้าร้อยปีมาแล้ว ในห้วงระยะเวลาที่ต่างกันคือ

  • ครั้งแรก เมื่อพระพุทธเจ้าประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ โอรสพระเจ้าสุทโธธนะ และ พระนาง สิริมหามายาแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ โดยประสูติที่ป่าลุมพินีวัน ณ เขตแดนรอยต่อระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ของฝ่ายพระราชบิดากับกรุงเทวทหะของฝ่ายพระราชมารดา
  • ครั้งที่สอง เกิดเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ออกทรงผนวชได้ ๖ ปี พระชนมายุ ๓๕ พรรษา ได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นอรหันตพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ริ่มฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
    ประเทศมคธปัจจุบันคือที่ตั้งพุทธคยา
  • ครั้งที่สาม เกิดเมื่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธ ปรินิพพาน เมื่อพระชนมายุ ๘๐ พรรษา ณ เมืองกุสินารา

ความสำคัญด้านวันสากล

วันวิสาขบูชา ถือเป็นวันสำคัญที่สุดทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากล้วนมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการถือกำเนิดของพระพุทธศาสนา คือ เป็นวันที่พระศาสดา คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ดังนั้นพุทธศาสนิกชนทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับวันวิสาขบูชานี้ และในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2542 องค์การสหประชาชาติได้ยอมรับญัตติที่ประชุม กำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลก โดยเรียกว่า Vesak Day

ขอบคุณเครดิตจากเพจ

 

วันวิสาขบูชา

กิจกรรม ที่นิยมทำในวันวิสาขบูชา

  • เวียนเทียนรอบโบถส์และรำลึก พระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ ในเวลากลางคืน
  • ช่วงเช้าไปวัดทำบุญกับครอบครัว ปล่อยสัตว์ เช่น ปล่อยปลา ปล่อยนก เพื่อสร้างทานบารมี และ ถวายสังฆทานให้กับผู้ล่วงลับ , เจ้ากรรมนายเวร
  • ฟังธรรมเทศนา เกี่ยวกับวันวิสาขบูชา
นิวรณ์ 5 คืออะไร และ แก้นิวรณ์อย่างไรให้สมาธิสงบ

นิวรณ์ 5 คืออะไร และ แก้นิวรณ์อย่างไรให้สมาธิสงบ

นิวรณ์ 5 คำนี้ได้ยินและได้อ่าน ด้วยความสงสัย ความไม่เข้าใจ ในการปฏิบัติ เช่น เมื่อทำบุญแล้ว นั่งสมาธิภาวนา ก็ไม่ได้เกิดอะไรก้าวหน้า ทำให้เกิดลังเล สงสัย  ทำไปเกิดความหดหู่ ท้อถอย และสุดท้ายเลิกปฏิบัติ สิ่งเหล่านี้นี่เองที่เรียก เครื่องกั้นจิตไม่ให้บรรลุ ในการที่เราตั้งใจ ที่เราเรียกกันว่า นิวรณ์

นิวรณ์ 5 คืออะไร

คือ เครื่องกั้นและปิดขวางไม่ให้บรรลุความดีไม่เปิดโอกาสให้ทำความดี และเป็นเครื่องกั้นความดีไว้ไม่ให้เข้าถึงจิต เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้ปฏิบัติบรรลุธรรม

นิวรณ์ข้อมีอะไรบ้าง

1.กามฉันทะ ความพอใจในกาม 

คือ ความลุ่มหลงในกามอารมณ์ ยินดีในรูป ราคะ พอใจ กามอารมณ์ต่าง ๆ

2.โกธะ พยาบาท ปองร้าย 

คือ ความโกรธ เกลียด ชัง ความคุ้นแค้น เคือง

3.ถีนมิทธะ ความหดหู่ ซึมเศร้า 

ความเกียจคร้าน ท้อแท้ เศร้าซึม หมดหวัง เสียใจ หมดอาลัย ไร้กำลังใจ เบื่อ ไม่อยากจะทำอะไร  บางครั้งอาจทำให้เข้าใจว่าเป็นการปล่อยวาง แต่แม้จริง คือ ซึมเศร้า ท้อแท้

4.อุทธัจจะกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่าน

ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ  คิดไม่ตก ฟุ้งซ่านในสิ่งที่มากระทบ อายตนะ ทางกาย วาจา ใจ หู ตา จมูก ลิ้น กายและใจ ว่าจะเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ ปรุงแต่งเหมือนเชือกพันกันไม่สามารถแก้ปมได้

5.วิจิกิจฉา

ความลังเลสงสัย ว่าทำสิ่งนั้นจะเกิดอะไร เช่น เมื่อนั่งสมาธิ แล้วไม่รู้สึกอะไร เหมือนนั่งหลับเฉย ๆ ก็เกิดความลังเล ว่าทำไปทำไม ไม่เห็นเกิดอะไร แต่แท้จริงแล้ว เกิดนิวรณ์เข้าปรุงแต่ง วิจิกิฉา ให้เกิดความสงสัย จิตต้องติดในการปรุงเเต่งในความสงสัย ๆ นั้น ๆ

วิธีการแก้นิวรณ์หรือธรรมอันเป็นปกปักษ์นิวรณ์ทั้ง 5 ข้อ

พละ 5 ธรรมกำลังใจทั้ง 5 ที่นำมาสู่จิคอันเป็นสู้กับนิวรณ์


1.ศรัทธา แก้วิจิกิจฉา ความเชื่ออันมีปัญญาและเหตุผลตามธรรมะ นำมาสู่การแก้ความสงสัยลังเล เช่น ลังเลสังสัยในนิพาน
2.วิริยะ แก้ถีนมิทธะ ความเพียร พยายาม ไม่ลังเล นำพามาสู่ความอดทน แก้ความหดหู่ ซึมเศร้า
3.สติ แก้พยาบาท
4.สมาธิ แก้อุทธัจจะกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่าน ให้ความสงบในสมาธิ เข้ามาพิจารณา แล้วโน้มจิตเพียงแค่ดูความฟุ้งซ่าน ว่าปรุงแต่งอย่างไร แล้วก็ปล่อยมันไป
5.ปัญญา แก้กามฉันทะ  ธรรมข้อนี้ค่อนข้างจะลึก เพราะต้องสร้างปัญญาให้เห็นกฏไตรลักษณ์ เพื่อเห็น ความไม่เที่ยงของสังขารที่เราถูกปรุงแต่งให้เห็นว่าสิ่งนั้นสวย น่าหลงไหล และติดในกาม แต่เมื่อมีปัญญาเข้าใจ เห็นว่า เราก็ต้องจากกันไปเมื่อชรา แก่ ไม่มีแล้วความสวยเหล่านั้น 

หรือ

แก้นิวรณ์ โดยกรรมฐาน (ในบทความนี้ขอเน้นการแห้ในด้านกามฉันทะ)

กรรมฐาน (บาลี :kammaṭṭhāna, กมฺมฏฺฐาน) (สันสกฤต: karmasthana) หมายถึง ที่ตั้งแห่งการทำงานของจิต สิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์ในการเจริญภาวนา อุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกอบรมจิต หรืออุบายหรือกลวิธีเหนี่ยวนำให้เกิดสมาธิ กรรมฐานจึงเป็นสิ่งที่เอามาให้จิตกำหนด เพื่อให้จิตสงบอยู่ได้ ไม่เที่ยวเตลิดเลื่อนลอยฟุ้งซ่าน ไปอย่างไร้จุดหมาย (เครดิต https://th.wikipedia.org/wiki/)

นิวรณ์ กามฉันทะ 

เมื่อเกิดความกำหนัด ความหลุ่มหลงในรูป กาย ความสวยความงาม อาลัยอาวรณ์อยู่ในกาม ซึ่งย่อมเกิดทุกข์ที่บางครั้งยังไม่ทราบว่าเป็นทุกข์ แต่เมื่อการเปลี่ยนแปลงผ่านไป เกิดทุกข์ เพราะความสวยหมดไป หรือ ถูกทิ้ง เลิกรา หรือ ไม่ได้กายนั้นมาครอบครอง ย่อมส่งผลกับการทุกข์ชัดขึ้น

การแก้นิวรณ์ข้อนี้ คือ อาศัย อสุภะ เข้ามาข่มใจ เห็น ไตรลักษณ์ว่า เราเกิดมา สุดท้ายก็ต้องแก่ ชรา และ ร่างกายเน่า ผิวหนังย่น รวมถึงต้องพลัดพรากจากกายนี้อยู่ดี ไม่ว่าจะสวยอย่างไร ทำให้อยากแค่ไหน วันเวลาก็ผ่านไปจะร่างกายก็จะเหี่ยวย่น เป็นรังของโรค เป็นเพียงแค่ เลือด น้ำหนอง เส้นเอ็น ผม กระดูก มารวมตัวกันเฉย ๆ

ศีล 5 ที่สามารถควบคุมนิวรณ์

  • พยาบาท ให้ควบคุมด้วย การไม่ฆ่าสัตว์
  • อุทธัจจะกุกกุจจะ ให้ควบคุมด้วย การไม่ถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้
  • กามฉันทะ ให้ควบคุมด้วย การไม่ประพฤติผิดในกาม
  • วิจิกิจฉา ให้ควบคุมด้วยการไม่พูดเท็จ
  • ถีนมิทธะ ให้ควบคุมด้วย การไม่เสพสิ่งเสพติดอันเป็นเหตุให้ประมาท

 

พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วัดบวรนิเวศ วิหาร กรุงเทพมหานคร

จิตที่ไม่มีสมาธิก็เพราะมี นิวรณ์ ทำให้ไม่ได้มีความสงบ ไม่ใช้ปัญญา จึงได้แสดง นิวรณ์ ๕ และกัมมัฏฐานสำหรับแก้เพิ่มเติม ดังต่อนี้
๑. ความพอใจใฝ่ถึงด้วยอำนาจของกิเลสกาม เรียกว่า “กามฉันทะ”
แก้ด้วยเจริญ อสุภกัมมัฏฐาน พิจารณาซากศพ หรือเจริญ กายคตาสติ พิจารณา ร่างกายอันยังเป็นให้เป็นของน่าเกลียด

๒. ความงุ่นง่านด้วยกำลังโทสะ เรียกรวมว่า “พยาบาท”
แก้ด้วยเจริญ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หัดจิตให้เกิดในทางหัดคิดให้เรียเกิดเมตตา สงสาร กรุณา ช่วยเหลือเมื่อมีความสามารถ เกิดความพลอยยินดีไม่มีริษยา เกิดความปล่อยวาง หยุดใจที่คิดโกรธได้

๓. ความท้อแท้ หรือคร้าน หรือความหดหู่ง่วงงุน เรียกว่า “ถีนมิทธะ”
แก้ด้วยเจริญ อนุสติ กัมมัฏฐาน พิจารณาคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บ้าง พิจารณาความดีของตนบ้าง เพื่อให้จิตเบิกบาน และมีแก่ใจหวนอุตสาหะ หรือทำอาโลก สัญญา(หมายเหตุ คือ อาโลกกสิน) กำหนดหมายแสงสว่าง ให้จิตสว่าง

๔. ความฟุ้งซ่าน หรือคิดพล่าน และความจืดจางเร็ว หรือความรำคาญ เรียกว่า “อุทัจจกุกกุ จจะ”
แก้ด้วย เพ่งกสิณ กำหนดลมหายใจเข้าออก หัดผูกใจไว้ในอารมณ์เดียว หรือเจริญมรณสติ อันจะทำให้ใจสงบด้วยสังเวช

๕. ความลังเลไม่แน่ลงได้ เรียกว่า “วิจิกิจฉา”
แก้ด้วยเจริญ ธาตุกัมมัฏฐาน หรือ วิปัสสนากัมมัฏฐาน เพื่อ กำหนดรู้สภาวที่เป็นอยู่ตามเป็นจริง

 

เครดิตข้อมูลจากเพจ

 

ข่าวอาการอาพาธ หลวงปู่อุทัย สิริธโร เมื่อวันนี้ 15 มีนาคม 2567

ข่าวอาการอาพาธ หลวงปู่อุทัย สิริธโร เมื่อวันนี้ 15 มีนาคม 2567

รายงานผลตรวจอาการอาพาธ หลวงปู่อุทัย สิริธโร เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗ โดยคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราช และแพทย์พยาบาล โรงพยาบาลกรุงเทพปากช่อง
เลือด หัวใจ ปอด ฯลฯปกติดี. เป็นที่พอใจของคณะแพทย์
แผลที่เท้าของหลวงปู่หายแล้ว 99% เหลืออีก 1% ที่เป็นจุด
การขับถ่าย การปัสสาวะ. ปกติ
หลวงปู่ปัสสาวะได้เอง. โดยไม่ต้องใช้สายสวนปัสสาวะ
เวลาเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่ง. องค์ท่านนั่งตัวตรงได้
พระอุปัฏฐากได้เข็นเก้าอี้วีลแชร์ ให้หลวงปู่ออกมาวนรอบวัด. องค์หลวงปู่แจ่มใส. ยิ้มแย้ม. มีกิริยาทักทายญาติโยม และดูแข็งแรงดี
🙏🙏🙏 ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่าน และพระทุกรูปที่มีส่วนอุปัฏฐากดูแลหลวงปู่ตลอดมา ที่ทำให้หลวงปู่มีธาตุขันธ์ที่แข็งแรงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง.
หลวงปู่อุทัย วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน
ผ้าไตร 7 ชิ้น มีอะไรบ้าง ไตรครอง ไตรเต็ม ไตรจีวร ต้องเลือกอย่างไร

ผ้าไตร 7 ชิ้น มีอะไรบ้าง ไตรครอง ไตรเต็ม ไตรจีวร ต้องเลือกอย่างไร

ผ้าไตร 7 ชิ้น สำหรับผู้ที่กำลังจะบวชหรือหาเลือกซื้อให้กับผู้ที่กำลังจะบวช การทำความเข้าใจในเรื่องผ้าไตรจีวรหรือ ชุดเครื่องบวชสำคัญเพราะต้องทราบว่า วัดที่สังกัดนั้นเป็น ธรรมยุตหรือ มหานิกาย(แต่การปฏิบัติตามหลักพระวินัย เหมือนกันในศีล 227ข้อ)  ทำให้ในการเลือกซื้อผ้าไตรนั้น อาจจะเกิดความสับสน จึงนำบทความดีมาฝากกัน

ผ้าไตร 7 ชิ้น มีอะไรบ้าง

ไตรครองผ้าไตรครบชุด (7 ชิ้น) ประกอบด้วย

  1. ผ้าสบงขัณฑ์,
  2. ผ้าจีวร,
  3. ผ้าพาดบ่าหรือสังฆาฏิ (2 ชั้น),
  4. อังสะ,
  5. รัดประคด,
  6. ผ้ารัดอก
  7. ผ้ารับประเคนหรือผ้ากราบ

ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก https://dharayath.com/ผ้าไตร/

ผ้าไตรจีวร

 

สิ่งที่ต้องพิจารณา ผ้าไตรแบบไหน ดังนี้

สี ในประเทศไทยมีพระสงฆ์อยู่สองฝ่าย นุ่งห่มจีวรสีต่างกัน มีหลักๆ คือ

  • พระสงฆ์ธรรมยุต นุ่งห่มจีวรด้วยสีกรักแก่นขนุน สีพระราชทาน
  • พระสงฆ์มหานิกาย นุ่งห่มจีวรด้วยสีเหลืองส้ม สีพระราชทาน
ชุดผ้าไตรจีวร

วัตถุประสงฆ์ในการถวายผ้าไตร ผ้าไตรแบ่งได้ 2 แบบหลักตามความต้องการใช้งาน

แบบที่ 1ผ้าไตรชุดใหญ่ ใช้สำหรับการบวชพระ ตัดเย็บถูกต้องตามพระวินัย ใช้ในการบวชพระ

แบบที่ 2 ไตรอาศัย ใช้สำหรับการเพื่อผลัดเปลี่ยนในชีวิตประจำวัน ประกอยด้วย ผ้า 3 ชนิดหลัก คือ จีวร สบง อังสะ และเช่นเดิมต้องพิจารณาว่าเป็นนิกายหรือฝ่ายไหน ธรรมยุต ต้องเป็น 9 ขันธ์ สีกรักแก่นขนุน ส่วนมหานิกาย 5 ขันธ์ สีเหลืองส้ม เป็นต้น

 

 ชนิดผ้า

โทเร ราคาถูกที่สุด เนื้อผ้าเหมือนเสื้อนักเรียนค่ะ ผ้านุ่มปานกลาง ระบายอากาศได้พอสมควร เหมาะกับพระที่ต้องการบวชระยะสั้น และผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

มิสลิน หรือมัสลิน เนื้อผ้านุ่ม ระบายอากาศดี ใส่สบาย เป็นที่นิยมเนื่องจากเหมาะสมกับสภาพอากาศ ราคาปานกลาง

ซันฟอไรซ์ เนื้อผ้านุ่ม ระบายอากาศดี เนื้อผ้าหนากว่ามิสลิน มีความคงทน ราคาปานกลาง

ฝ้าย เนื้อผ้าหนานุ่ม เหมาะกับอากาศเย็น เช่นทางภาคเหนือ ราคาค่อนข้างสูง

ไหม เนื้อผ้านุ่มลื่นเป็นเงา ใช้ถวายพระภิกษุผู้ใหญ่ที่มีสมณศักดิ์ ราคาสูง

 

ขนาด

จีวรนั้นก็เหมือนกับเสื้อผ้าทั่วไป หากเราจะซื้อไปถวายควรจะเลือกซื้อขนาดที่เหมาะสมแก่ผู้สวมใส่ เราควรคำนึงถึงพระภิกษุสงฆ์ที่เราจะเลือกซื้อผ้าไตรจีวรไปถวาย  โดยคำนึงถึงความสูง ท้วมหรือสมส่วน ในการเลือกซื้อ

  • พระภิกษุที่สูงไม่เกิน 160 ซม. ควรใช้ขนาด ความสูง 190 ซม. กว้าง 315 ซม.
  • พระภิกษุที่สูง 160 – 170 ซม. ควรใช้ขนาด ความสูง 200 ซม. กว้าง 315 ซม.
  • พระภิกษุที่สูง 170 – 180 ซม. ควรใช้ขนาด ความสูง 210 ซม. กว้าง 315 ซม.
  • พระภิกษุที่สูง 180 ซม.ขึ้นไปหรือมีรูปร่างสูงใหญ่ ควรใช้ขนาด ความสูง 220 ซม. กว้าง 315 ซม.

ถ้าต้องการเลือกซื้อมาถวายโดยไม่เจาะจง แนะนำให้ซื้อ ขนาดผ้า 210 x 315 ซม. เป็นมาตรฐานทั่วไปแก่พระภิกษุสงฆ์

การตัดเย็บ

การตัดเย็บผ้าไตรจีวรนอกจากจะต้อถูกต้องตามพระธรรมวินัยแล้ว คุณภาพการเย็บก็เป็นเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งที่ต้องกล่าวถึง ผ้าไตรชั้นดี จะเย็บตะเข็บคู่แท้ คือเย็บ 2 รอบด้วยระยะห่างเพียง 2 มิลลิเมตร เพื่อให้ผ้าที่ออกมามีความประณีต ความแข็งแรงคงทน ใช้งานได้นานสมประโยชน์อย่างแ

วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน หลวงปู่อุทัย สิริธโร งานมุทิตาจิตอายุวัฒนมงคล วันที่ 12 มีนาคม 2567

วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน หลวงปู่อุทัย สิริธโร งานมุทิตาจิตอายุวัฒนมงคล วันที่ 12 มีนาคม 2567

กำหนดการงานมุทิตาจิตอายุวัฒนมงคล ครบรอบ ๘๘ ปี ๖๘ พรรษา #หลวงปู่อุทัย สิริธโร

  • วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

หลวงปู่อุทัย งานมุฑิตาจิต 67 วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน

ขอบคุณเพจ https://www.facebook.com/photo/?fbid=701449415466996&set=a.493488986263041

อ่านข่าวหลวงปู่เพิ่มเติม https://dhamma.watchmekorat.com/

Pin It on Pinterest