โดย admin | ก.ย. 28, 2022 | บทความธรรมมะ
สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าของเราเสด็จประทับอยู่ที่กรุงราชคฤห์ ท่านปรารภเกี่ยวกับ มงคล มงคลอันไหนที่เป็นมงคลของมนุษย์ มีคนหนึ่ง เขามีงานเทศกาล งานปีใหม่ คนเต็มไปมากแต่บุรุษคนนั้นกล่าวขึ้นในที่ที่ชุมชน ที่ประชุมนั้นน่ะ “ขอความเป็นสิริมงคลจงเกิดกับข้าพเจ้าตลอดไป ขอความเป็นสิริมงคลจงเกิดกับข้าพเจ้าตลอดไป” พอพูดเท่านั้น คนนั้นก็หายไป ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด
คนได้ยิน เอ๊ะ คำว่า สิริมงคล เป็นคำพูดที่ถูกต้อง แล้วก็เป็นสิริมงคลสำหรับตนตลอดไป ก็ถูกต้องอีกเหมือนกัน ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีสิริมงคลในชีวิตของข้าพเจ้าตลอดไป อันนี้เป็นคำพูดที่ฟังดูแล้วถูกต้อง ก็มาถกเถียงกันอันไหนเป็นมงคล ถามกันในชุมชน ถกเถียงกัน อันไหนเป็นมงคล คนหนึ่งว่า ได้เห็นรูปสวยๆ งามๆ ตื่นขึ้นมาแล้วก็เห็นสิ่งที่เจริญตา สวยงาม อันนั้นแหละเป็นมงคล คนหนึ่งก็บอกว่า ไม่น่าจะใช่ เพราะเหตุว่า ตื่นขึ้นมาบางทีก็เห็นเขาหน้าบูดหน้าเบี้ยวใส่ ทำเห็นเขาเบี้ยวปากใส่บ้าง เห็นเขาแสดงอากัปกิริยากับเรา ก็ไม่ใช่ว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะเห็นแต่มงคล มันก็เห็นสิ่งที่ไม่เป็นมงคลด้วย สิ่งที่ไม่พึงปรารถนา คำว่า เห็น คำนี้ มันไม่น่าจะถูกต้อง อันนี้ก็มาไล่กันละที่นี้ จนถึง ได้ยินบ้าง ได้สัมผัสบ้าง อะไรต่อมิอะไร ผลที่สุดไม่มีใครที่จะตัดสินใจได้
มงคล คืออะไร
ผลที่สุด เทวดาได้ยินมนุษย์โกลาหลถกเถียงกัน เอ๊ะ คำว่า เป็นมงคลคืออะไร เทวดาสงสัยอีกเหมือนกัน ไปถามกันอีก จนถามกันจนถึงอากาศเทวดา จนถึงชั้นจาตุม ยามา ดุสิตา ดาวดึงส์ ยามา ขึ้นไปเรื่อย จนถึงพรหม ก็ไม่มีใครที่จะแก้ได้ว่า คำว่า สิริมงคลกับตนเองนั้นคืออะไร ผลที่สุดก็ได้พระอินทร์ได้ยินอีกเหมือนกัน โอ้ ไม่ได้หรอก นอกจากพระพุทธเจ้า พระอินทร์จึงลงมาพร้อมกับเทวดาเป็นหมื่นจักรวาล เพราะว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่คาใจของเทวดา คำว่าสิริมงคลกับตนเองนั้นคืออะไร มาถามพระพุทธเจ้าในเวลาเที่ยงคืน พระพุทธองค์ก็เฉลยปัญหาที่เทวดาถาม เทวดาเหล่านั้นก็ได้สำเร็จมรรคสำเร็จผลมากที่สุดในครั้งคราวนั้นที่พระองค์แสดงเรื่อง มงคลนะ
แต่พระพุทธองค์ก็บอกว่า ที่เราแสดงมงคลคืนที่ผ่านมาเนี่ย ยังไม่เป็นน่าอัศจรรย์ ในอดีตชาติของเรา เราเป็นศิษย์ เราเป็นฤาษีอยู่ในป่า เขาถามกันเรื่องมงคล เราก็ได้อธิบายให้เขาฟังในชาตินั้น คนทั้งหลายเข้าใจในมงคลในคราวนั้นมากทีเดียวจนถึงเทวดา คราวนั้นเรายังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นแค่เพียงเสวยชาติเป็นฤาษี เราก็ยังมีความฉลาด ตอบปัญหาเรื่องมงคลให้กับผู้คนทั้งหลายในยุคสมัยนั้น
พระสงฆ์ทั้งหลายก็กราบทูลถามว่า สมัยนั้น พระพุทธองค์ได้ตรัสเรื่องอะไรหนอ พระเจ้าข้า สมัยเป็นฤาษี พระพุทธองค์บอกว่า ฟัง แล้วพระองค์ก็ได้แสดงมงคล นะ มงคล ๘ ประการ แตกต่างกว่าสมัยที่พระองค์ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ในสมัยเป็นโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ยกอันไหนขึ้นก่อน พระพุทธองค์สมัยนั้นยกเรื่องเมตตาขึ้นก่อน พวกเราอยู่ด้วยกันต้องมีเมตตา ถ้าหากว่าบุคคลที่อยู่ด้วยกันที่มีเมตตาต่อกัน มีความเอื้อเฟื้อต่อกัน รู้จักเขารู้จักเรา อย่าเบียดบังอย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกัน โลกทั้งโลกก็จะร่มเย็นเป็นสุข จากนั้นท่านก็บอกว่า ให้รู้จักสัมมาคารวะ ให้รู้จักสูง รู้จักต่ำ รู้จักสิ่งควรไม่ควร เราอยู่ในสถานะไหน ให้รู้จักในสถานะของตนเอง นี่แหละ ท่านก็ไล่ไปอย่างนี้แหละ สรุปแล้วก็คือ มงคล ๘ ประการในสมัยนั้น
พอมาถึงสมัยที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ที่พระอินทร์มาถามพร้อมกับเทวดา ในคืนวันนั้นที่วัดป่าเชตวันมหาวิหาร พระพุทธองค์ได้ตรัส
มงคล ๓๘ ประการ ขึ้นต้นว่า อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานํ จ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ อันนี้คือพระพุทธองค์ยกบุคคลนะ แต่สมัยเป็นฤาษีนั้น ท่านยกคุณธรรมคือเมตตาขึ้นมาเป็นหลัก แต่มาในครั้งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ ท่านยกบุคคล อเสวนา จ พาลานํ อย่าไปคบคนพาล ให้คบบัณฑิต ให้คบคนดี ให้คบบัณฑิต อย่าไปคบคนพาล อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานํ จ เสวนา ให้คบบัณฑิต ปูชา จ ปูชนียานํ บูชาบุคคลที่ควรบูชา นี่แหละ พระพุทธองค์ก็ไล่เป็นข้อๆ ไปจนถึงมงคล ๓๘
เพราะฉะนั้น ให้พวกเราศึกษามงคล ๓๘ ประการนั้นน่ะมีอะไรบ้าง จนถึงทำจิตใจให้หลุดพ้นจากอาสวะกิเลสในที่สุดนะ ในมงคลของพระพุทธเจ้า เพราะเทวดาที่พระอินทร์ที่เป็นผู้พานำให้เทวบุตรเป็นคนทูลถาม เทวดาทั้งหลายเมื่อได้ฟังพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ได้สำเร็จมรรคสำเร็จผลมาก ในมงคลสูตรนี้ เพราะฉะนั้น ให้พวกเราศึกษา
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “อะไรคือมงคล”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
ที่มาจากเพจ
https://www.facebook.com/LuangpoInthawaiSantussako/posts/3417812735116443
โดย admin | ก.ย. 21, 2022 | ข่าวสาร, บทความธรรมมะ

หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ไม่ต้องคิดไปในอดีต ไม่ต้องคิดไปในอนาคต ไม่ต้องคิดไปวันพรุ่งนี้มะรืนนี้ ให้จิตใจอยู่ในปัจจุบัน ขณะนี้เดี๋ยวนี้ ดูลมหายใจอยู่ที่ปลายจมูกเท่านั้น
ไม่ต้องคิดถึงอดีตเมื่อวานวันก่อนเรื่องต่างๆ เรื่องอะไรก็ตามไม่ต้องคิด บังคับให้ใจอยู่ในปัจจุบัน ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ เวลานี้ที่ปลายจมูก หายใจเข้ารู้ว่าหายใจเข้า หายใจออกรู้ว่าหายใจออก มีสติสัมปชัญญะ สติคือความระลึกได้ สัมปชัญญะคือความรู้ตัว ให้มีความรู้ตัวอยู่ที่ปลายจมูกเท่านั้น นี่แหละวิธีการปฏิบัติ
นั่งภาวนา ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เอาใจเหลืออด ไม่ใช่ว่าปวดแข้งปวดขาหน่อยหนึ่งแล้วก็บ่นขึ้นมา บอกว่านั่งภาวนาทำไมจึงปวดแข้งปวดขา เวลาเรานั่งอย่างอื่นดูหนัง ดูละคร ดูโทรทัศน์ ดูหนังฟังรำ เรานั่งทนได้เพราะเหตุใด เพราะเราชอบ แต่พอนั่งสมาธิภาวนา นั่งหน่อยเดียวก็ว่าปวดแข้งปวดขาเพราะอะไร เพราะกิเลสในใจของเรามันมาก มันก็เลยออกไปในทางที่ไม่ชอบ เพราะกิเลสกับธรรมมันจะขัดแย้งกันอยู่เสมอ
ขอให้พวกเรามุ่งมั่นมีความตั้งใจ เราต้องบังคับ บังคับตัวเองให้นั่ง พยายามนั่งให้นาน ตั้งนาฬิกาไว้เลยครั้งแรก ๓๐ นาที หรือ ๑ ชั่วโมง ถ้าไม่ถึงกำหนดเราจะไม่ออกจากสมาธิ เราจะบังคับให้อยู่ที่ปลายจมูกเท่านั้น พุทโธ พุทโธ พุทโธ
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “จงมั่นใจในสายหลวงปู่มั่น (วันอาสาฬหบูชา)”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๕
ที่มาจากเพจ
https://www.facebook.com/LuangpoInthawaiSantussako/posts/3354345641463153
โดย admin | ส.ค. 28, 2022 | ข่าวสาร, บทความธรรมมะ

ภารา หะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ทั้ง ๕ เป็นภาระหนัก ภาระนิกเขปะนัง สุขัง การวางขันธ์เป็นสุข แต่พวกเรามันวางยากมีแต่แบกอยู่ตลอดเวลา แบกขันธ์ทั้ง ๕ ภารา หะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ทั้ง ๕ เป็นภาระหนัก เวลาปวดตา ปวดหู ปวดจมูก ปวดลิ้น ปวดกาย ส่วนไหน มันล้วนแล้วแต่ใจเป็นภาระทั้งหมดต้องได้ดูแล ถ้าถ่ายมากเกินไปก็ย่ำแย่ ไม่ถ่ายซะเลยก็ย่ำแย่ เพราะฉะนั้นจะทำยังไงจึงให้ธาตุขันธ์อยู่ได้
นี่ล่ะมันเป็นภาระหนักการบริหารร่างกาย ภารา หะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ทั้ง ๕ ตา หู จมูก ลิ้น กาย นี่เป็นภาระ ใจจะต้องได้รับผิดชอบจะต้องได้ดูแลตลอดเวลา เป็นของหนักเป็นภาระหนัก
ใจต้องได้คิด เวลาปวดตา จะแก้ไขยังไง ไปหาหมอที่ไหน มีเงินไหม
เวลาปวดหู ใจก็ต้องได้คิด จะทำยังไง ไปหาหมอที่ไหนมันปวดหู
เวลาปวดจมูก ใจก็ต้องได้คิด ไปหาหมอที่ไหนจะรักษาจมูก
เวลาปวดลิ้น ปวดฟัน ไปหาหมอที่ไหน
เวลาปวดร่างกาย ปวดหลัง ปวดเอว ปวดท้อง ปวดอะไรทุกอย่าง เราจะไปหาหมอที่ไหน หมออะไร จะได้แก้ไข
ใจ ความรู้สึกนึกคิด จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชั่วดีทั้งหมด ในเมื่อมันปกติไม่มีอะไร ใจก็คอยดูคอยระเวียงระวัง เพื่อไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นก็เป็นภาระหนัก เฝ้าระวังอยู่อย่างนั้น พาหลับ พานอน พาขับพาถ่าย
นี่แหละจึงว่าขันธ์ทั้ง ๕ เป็นภาระหนัก ในหลักพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นให้พวกเราคิดดูซิจริงไหม หลวงพ่อว่าเกินร้อยนะเป็นภาระหนักเกินร้อย หนักจริง ๆ เรื่องขันธ์ ๕
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “สติคือพื้นฐานเดินทางสู่ปัญญา”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ที่มาจากเพจ
https://www.facebook.com/LuangpoInthawaiSantussako/posts/3291279394436445
โดย admin | ส.ค. 21, 2022 | ข่าวสาร, บทความธรรมมะ
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “เร่งรักษาคน เร่งรักษาใจ”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔
เสียเงินเสียทองเสียอะไรก็เสียไปเถอะ แต่อย่าไปเสียใจ ถ้าใจเสียเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเสียหมดทุกอย่าง ต้องรักษาใจ ใจนี้เป็นหัวหน้า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นหัวหน้าสำเร็จแล้วด้วยใจ
ใจคืออะไร ถ้าพูดแบบทางโลกเขาว่าสมอง แต่พุทธศาสนาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านไม่ว่าสมองนะ ท่านว่าใจ สมองเป็นเครื่องมือ คล้ายๆ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ในหัวของเรา แต่คนที่มาใช้คอมพิวเตอร์เป็นใคร เขามองไม่เห็น วิทยาศาสตร์มองไม่เห็น พระพุทธเจ้าท่านไปค้นคว้าศึกษาอยู่ที่โคนต้นโพธิ์วันเดือนหกเพ็ญ สองพันห้าร้อยกว่าปี ท่านไปค้นคว้าศึกษาว่านามธรรมมองไม่เห็นตัวนั้น เป็นตัวที่ลึกลับ มองไม่เห็น แต่มันมาใช้สมอง
เหมือนกับรถราคาแพงมันมีเครื่องเซ็นเซอร์เครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ในตัวของมัน มันก็ใช้ตัวมันไม่ได้ คนขึ้นไปสตาร์ทเครื่อง ใจนี้คือคนที่ไปสตาร์ทเครื่อง คือใจ มโน ผู้รู้หรือนามธรรม ตัวขึ้นไปสตาร์ทเครื่อง หัวสมองอยู่ที่รถมันมีอยู่แล้ว ตัวเซ็นเซอร์ ตัวสมอง พอสตาร์ทเครื่องก็เหมือนเราปลุกให้ตื่น พอตื่นขึ้นมาโชเฟอร์ก็ดูแล้วว่าน้ำมันเหลือเท่าไหร่ ล้อซ้ายขวาล้อหน้าล้อหลังเป็นยังไงมันจะบอกหมดเลยในรถคันนั้น ตาซ้ายขวามันบอกหมด เบรกอีกมันบอกหลายๆ อย่าง เราก็รู้มองดูก็รู้
ร่างกายเราก็มีเหมือนกับรถ แต่ว่าตัวนามธรรมเหมือนกับโชเฟอร์รถ รถจะเสียก็เสียไป แต่โชเฟอร์อย่าให้พิกลพิการ ถ้าโชเฟอร์พิกลพิการตาบอดหูหนวกขาขาดแปลว่าโชเฟอร์เสียสูญ รถคันนั้นถึงจะดีขนาดไหนก็ไม่สมบูรณ์ เพราะเหตุใด เพราะโชเฟอร์เสีย
นี้ก็เหมือนกัน ถ้าร่างกายถึงจะเสียยังไงเสียภายนอกก็ตาม แต่อย่าให้ใจเสีย ต้องรักษาประคองใจของตนเองไว้ จะทำยังไงไม่ให้ใจมันเสีย ต้องศึกษาในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านว่าจะบำรุงใจจะบำรุงอย่างไร จะรักษาใจจะรักษาอย่างไร ไม่มีทางอื่นนอกจากสมาธิ รักษาใจ
(ที่มาจากเพจ https://www.facebook.com/LuangpoInthawaiSantussako/posts/3370923666472017)